
“เผ่าภูมิ” กางแผนปั๊มรายได้เข้าแผ่นดิน 1.1 หมื่นล้าน ในปีงบประมาณ 2568 เดินหน้าเรียกคืนที่ราชพัสดุรกร้างว่างเปล่า-ไม่ใช้ประโยชน์จากหน่วยงานรัฐ นำมาเปิดประมูล “ที่ดินเปล่า” สร้างมูลค่าเพิ่ม ดันสรรพสามิตเก็บภาษีคาร์บอนน้ำมันชง ครม.แล้ว พร้อมรื้อภาษีแบตเตอรี่ เลิกเก็บอัตราเดียว
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปีงบประมาณ 2568 กรมธนารักษ์ มีเป้าหมายนำส่งรายได้เข้าคลังประมาณ 11,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี จะพยายามผลักดันทำให้ได้มากกว่านั้น โดยนโยบายการบริหารที่ราชพัสดุ จะพยายามให้เกิดอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) ที่มากขึ้น
โดยมีเป้าหมายว่าอยากทำให้ได้ที่ 3% จากปัจจุบัน ROA อยู่แค่ 1% กว่า ๆ เท่านั้น ซึ่งวิธีการก็คือ การให้เช่าที่ราชพัสดุในอัตราที่เหมาะสม ทบทวนในส่วนที่ไม่เหมาะสม และพิจารณาการต่อสัญญาเช่าให้เป็นประโยชน์กับรัฐมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเรียกคืนที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ แต่ปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แล้วนำกลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด โดยเปิดประมูลให้เช่าในเชิงพาณิชย์ ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่การจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุปีละ 9-10% ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 แล้วเสร็จไปราว 24,000 ไร่
“ตอนนี้กำลังจะลงไปดูที่ราชพัสดุในหลาย ๆ พื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เราก็ต้องเรียกคืนมาเพื่อปล่อยเช่าเชิงพาณิชย์ โดยราวเดือน พ.ย.นี้ จะมีการแถลงแผนเปิดประมูลเช่าที่ราชพัสดุที่เป็นที่ดินเปล่า ซึ่งเป็นที่เปล่าว่า ในปีนี้กรมธนารักษ์มีแผนจะเปิดประมูลตรงไหนบ้าง เพื่อให้เห็นภาพรวม”
นายเผ่าภูมิกล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของกรมสรรพสามิต จะเน้นให้เป็นกลไกสำคัญทางเศรษฐกิจมากกว่าจะเน้นเรื่องการหารายได้เข้ารัฐ โดยล่าสุดได้เสนอเรื่องการเก็บภาษีคาร์บอนไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว ซึ่งต้องมีการเวียนความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เมื่อเสร็จแล้วก็จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเมื่อได้รับความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ก็จะมาปรับแก้กฎกระทรวง เพื่อให้มีผลบังคับใช้ คาดว่าไม่เกินปีนี้
ทั้งนี้ จะเป็นการเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้าน้ำมัน โดยจะไม่มีผลกระทบกับประชาชนในแง่ของราคาน้ำมัน และจะเป็นการจูงใจให้มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์น้ำมันที่สะอาดมากขึ้น
“น้ำมันและเชื้อเพลิง เท่ากับ 70% ที่ปล่อยคาร์บอน เป็นส่วนที่เยอะ และเป็นส่วนที่กรมสรรพสามิตมีเครื่องมือที่สามารถทำได้ ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้มี 2 มิติ หนึ่ง คือ เราต้องการอากาศที่สะอาด และสอง เราต้องผลักดันให้ประเทศไทยไปสู่มาตรฐานสากล”
รมช.คลังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ คลังยังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการปรับโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ จากปัจจุบันที่จัดเก็บอัตราเดียวที่ 8% เท่ากันทุกประเภทแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะสะอาดหรือไม่ โดยจะปรับอัตราภาษีเป็นแบบขั้นบันได เพื่อจูงใจให้ผลิตแบตเตอรี่ที่สะอาดมากขึ้น หรือแบตเตอรี่ที่ใช้ซ้ำ หรือชาร์จไฟใหม่ได้ ก็จะเสียภาษีอัตราต่ำลง แต่แบตเตอรี่ที่ใช้แล้วทิ้งก็ต้องเสียภาษีแพงขึ้น