บิ๊กเจเคเอ็นฯ ส่งซิกไตรมาส 2 แจ่ม กระแสคนไทยชอบดูซีรี่ส์อินเดีย-ฟิลิปปินส์-ผู้บริหารลั่นไม่ขายหุ้นออกแน่

เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ชี้ไตรมาส 2 ผลดำเนินงานโตต่อเนื่อง กระแสคนไทยชอบดูซีรี่ส์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ ส่งผลให้สถานีทีวีดิจิทัลแห่ซื้อลิขสิทธิ์เพิ่ม คาดครึ่งปีแรกผลงานโตก้าวกระโดด ผู้บริหารลั่นไม่ขายหุ้นแน่ หลังหมดช่วง Silent Period เรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า ทิศทางผลดำเนินงานในไตรมาส 2/61คาดว่าจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง และส่งผลดีต่อผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากซีรี่ส์อินเดียและฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์คอนเทนต์หลักที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากเจ้าของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัลที่ให้ความสนใจ เนื่องจากเนื้อหาและรูปแบบการถ่ายทอดเรื่องราวเข้าถึงกลุ่มผู้ชมคนไทยได้ดี ทำให้ง่ายต่อการติดตาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดียและฟิลิปปินส์ไปออกอากาศสามารถทำตัวเลขเรตติ้งได้ดีขึ้น

“จึงได้รับความสนใจจากสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัลอีกหลายช่อง ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ซีรี่ส์ดังกล่าวเพิ่มเติมจากเดิมที่เป็นกลุ่มช่อง 3 ช่อง 8 และ Bright TV เพื่อนำไปออกอากาศสร้างความหลากหลายของคอนเทนต์และสร้างฐานกลุ่มผู้ชมให้แก่ทางสถานี ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเห็นสัญญาณการเติบโตด้านช่องทางการเผยแพร่ลิขสิทธ์คอนเทนต์ผ่านทาง VOD (Video on Demand) ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ทำให้สร้างรายได้จากการเผยแพร่ช่องทางดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น และเชื่อว่าในอนาคตช่องทางดังกล่าวจะมีอัตราการเติบโตได้ดี จากพฤติกรรมการรับชมของผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ จึงเชื่อว่าอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกด้วย” นายจักรพงษ์กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ผ่านมา JKN มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิสูงติด 1 ใน 3 ของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 70.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.01 ล้านบาทขณะที่รายได้รวม 345.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.63% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 258.76 ล้านบาท

นายจักรพงษ์กล่าวด้วยว่า ผู้บริหารมีความมั่นใจพื้นฐานธุรกิจที่ดี พร้อมยืนยันว่าไม่มีนโยบายขายหุ้นเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากหมดช่วง Silent Period (ช่วงระยะเวลาห้ามขายหุ้น) แต่อย่างใด โดยครอบครัว ‘จักราจุฑาธิบดิ์’ ยังคงถือหุ้นใน JKN รวมกันกว่า 388 ล้านหุ้น คิดเป็น 71.85% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 540 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียน 270 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น

เนื่องจากทางครอบครัวมีความมั่นใจการดำเนินธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแผนงานในอนาคตที่บริษัทฯ จะเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนสร้างความแข็งแกร่งด้านผลการดำเนินงานขยายตัวได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัจจุบันได้มีรายการ First Class Thailand by JKN CNBC ออกอากาศแล้วหนึ่งรายการทางช่อง 3 HD และจะมีรายการอื่นของ CNBC ตามมาในอนาคตอันใกล้นี้