คอลัมน์ Look Around
ใครที่มองหาการลงทุนในกองทุนรวมที่มีการผสมผสานในหลากหลายสินทรัพย์อยู่ ขณะนี้มีกองทุนหนึ่งที่ออกมาให้เลือกลงทุนแล้ว ชื่อ กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดีเว่อร์ หรือ KFGOOD ซึ่งบริหารจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี ที่กำลังเปิดอยู่วันนี้ถึงวันที่ 6 มิ.ย. 2561
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
กองทุน KFGOOD จะมีนโยบายลงทุนทั้งในหุ้น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REITs กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในระดับไม่เกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ซึ่งจะทำให้เพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยสัดส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มความมั่นคงของเงินลงทุน
นางสาวศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า กองทุน KFGOOD จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนหุ้นเต็มร้อย แต่ต้องการจัดการลงทุนให้เหมาะสม เพื่อไปถึงเป้าหมายทางการเงินระยะยาวได้เร็วขึ้น และสร้างความมั่นใจมากขึ้นกับการเตรียมเงินเพื่ออนาคตของตนเองหรือครอบครัว
“กองทุน KFGOOD มีจุดเด่น ด้านความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตการลงทุน ในส่วนหุ้นนั้น ผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นโดยให้ความสำคัญการพบปะผู้บริหารเพื่อวิเคราะห์เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัว ดูฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงสามารถเลือกหุ้นได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดและประเภทหุ้น หากอยู่ในภาวะที่ตลาดผันผวนหรือมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไม่สดใส ผู้จัดการกองทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ (บอนด์) ได้สูงถึง 100% ของ NAV เพื่อลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน” นางสาวศิริพรกล่าว
ทั้งนี้ กองทุน KFGOOD มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 5 : (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา หรือ www.krungsriasset.com
ขณะที่ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2561 ระบุว่า การเปรียบเทียบผลตอบแทนของการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ในระยะเวลา 10 ปี พบว่าการลงทุนในหุ้นสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 12.27% พันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทน 4.80% และตราสารหนี้ระยะสั้นอยู่ที่ 2.48% การลงทุนกระจายในหลายสินทรัพย์ก็เป็นการลดความเสี่ยงลงได้ระดับหนึ่ง