HSBC สบช่องขยายฐานลูกค้ารายใหญ่ในไทย ดึงบริษัทข้ามชาติตั้ง IHQ ในไทย ป้อนพร้อมเพย์ลูกค้าคอร์ปอเรต จับตาเพิ่มแพลตฟอร์มบนมือถือ ชูบริหารสภาพคล่อง เร่งศึกษาฟินเทค ลั่นร่วมวง ธปท. ลุยโครงการ “อินทนนท์” ทำคริปโทเคอร์เรนซี
นางสาวไอ เชน ลิม ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายจัดการด้านการเงินและบริหารสภาพคล่อง ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย (HSBC) เปิดเผยว่า จากการสนับสนุนของรัฐบาลที่จะผลักดันไทยเป็น digital hub (ศูนย์กลางดิจิทัล) ของภูมิภาคอาเซียน จะสอดคล้องไปกับกลยุทธ์ของธนาคารที่สนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายแพลตฟอร์มระดับโลกได้
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดย HSBC มีบริการการจัดตั้ง IHQ (international head quarter) เพื่อสนับสนุนลูกค้าที่จะทำธุรกรรมข้ามประเทศ เช่น บริษัทต่างชาติที่มีการค้า การลงทุนกับประเทศไทยและอาเซียน หากเข้ามาจัดตั้ง IHQ ในไทย เพื่อรองรับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในไทย จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และความรู้ความชำนาญจากผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น เช่น ลูกค้าของธนาคาร ชื่อบริษัท โอเฟียร์ เอเชีย เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นบริษัทของอังกฤษที่เข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย
นอกจากนี้ ฐานลูกค้ารายใหญ่ที่ทำธุรกิจข้ามชาติ ต้องมีการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ ทาง HSBC จึงได้ตั้งเป้าหมาย 3 ส่วน ได้แก่ 1.บริการ global liquidity management ให้ลูกค้าบริหารสภาพคล่องทั่วโลก โดยปัจจุบันทางธนาคารสร้างระบบที่ชื่อว่า GLE ให้ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ใช้ในการบริหารจัดการด้านการเงินทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน ทางธนาคารขยายพร้อมเพย์ระหว่างกลุ่มธุรกิจรายใหญ่กับลูกค้า ซึ่งในอนาคตเครือข่ายพร้อมเพย์นี้จะสามารถรองรับการทำธุรกรรมการเงินในอาเซียน นอกจากนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการออกบริการใหม่เพื่อให้ลูกค้าธุรกิจรายใหญ่สามารถบริหารสภาพคล่อง และบริหารเงินทุนหมุนเวียน (working capital management) ทั้งในและต่างประเทศ ผ่าน mobile payment collection (ระบบการชำระเงินและการเรียกเก็บผ่านมือถือ) ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการทำงานภายในองค์กรมีประสิทธิภาพขึ้น เช่น ลดจำนวนวันลูกค้าค้างชำระ ฯลฯ
“เป้าหมายหลักของเรา คือการเป็น international bank of choose ที่จะสร้างบริการใหม่ ๆ และเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า และพัฒนาตลาดไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราตอบโจทย์ลูกค้าได้ ฐานลูกค้าก็จะขยายขึ้น และส่งผลให้ธุรกิจเติบโตขึ้นด้วย เราจึงไม่เน้นเรื่องเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียม แต่เน้นเรื่องการบริการที่จะให้ลูกค้าก่อน” นางสาวไอ เชน ลิม กล่าว
สำหรับความคืบหน้าด้านพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ในไทย ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น API (application programming interface) blockchain AI (ปัญญาประดิษฐ์) ซึ่งจะสร้างนวัตกรรมและส่งการเข้าร่วมทดสอบและพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน (regulatory sandbox) ของ ธปท.
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธนาคารได้เข้าร่วมโครงการอินทนนท์ของ ธปท. ซึ่งเป็นการศึกษาเทคโนโลยีบล็อกเชน ในการสร้างสกุลเงินดิจิทัล (digital currency) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองหาข้อสรุปของแนวคิด (proof of concept) โดยรูปแบบเทคโนโลยีนี้มีความคล้ายคลึงกับโครงการอูบิน (Ubin) ของธนาคารกลางสิงคโปร์ที่ทดลองและศึกษาเทคโนโลยีนี้ถึงเฟส 3 แล้ว