รมช.คลัง ชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้ GDP 2.7-2.9% คาดปี 68 โตได้กว่า 3% อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้น ศก. ยอมรับหนี้ครัวเรือนระดับสูงเป็นสิ่งที่น่ากังวล
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงาน BetterTrade2024 “The Next Wealth Oppertunities” มองอนาคต จับโอกาส สร้างความมั่งคั่ง จัดโดยสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ระบุ เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วง “ผงกหัวขึ้น” คาดว่า GDP จะเติบโต 2.7-2.9% ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และมองปี 68 จะโตมากกว่า 3%
ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อรถกระบะ รถจักรยานยนต์อย่างเหมาะสม เพราะหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับที่น่ากังวล หากดูหนี้เสียของรถกระบะและจักรยานยนต์ การกระตุ้นก่อให้เกิดหนี้เสียได้ แต่การไม่กระตุ้นก็อาจทำให้อุตสาหกรรมนี้ไม่ฟื้นตัว
รมช.คลัง ระบุว่า เศรษฐกิจไทยควรเติบโตใกล้เคียง 3% แต่มี 2 ปัจจัยหลักที่เข้ามากระทบ คือ น้ำท่วมและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลในช่วงไตรมาส 3/67 แม้จะเป็นพรรคเดียวกันความต่อเนื่องนโยบายไม่มีปัญหา แต่ในมิติของการทำงาน มีปัญหาในช่วงรักษาการทำให้ไม่สามารถลงนามได้ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตในไตรมาสสามออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
เผ่าภูมิ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/67 ขยายตัวได้สูงกว่า 4% หรืออยู่ในช่วง 4.0-4.5% และ ส่งผลให้ทั้งปี GDP เติบโต 2.7-2.9% จากปัจจัยที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นผ่านโครงการ 10,000 บาท
สำหรับในปี 68 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้สูงกว่า 3.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ยอมรับว่า อัตราเงินเฟ้อในระดับปัจจุบันของไทยมีปัญหา เพราะต่ำกว่าเป้าหมายมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายหลังการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ข้อสรุปของเงินเฟ้อในระยะต่อไป คือ
- กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1.0-3.0% มีค่ากลางที่ระดับ 2.0%
- มีข้อตกลงร่วมกันเพื่อพยายามผลักดันให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาย หรือให้เข้าใกล้ 2.0% ซึ่งเป็นค่ากลาง
- มีมาตรการร่วมกัน ระหว่างกระทรวงการคลัง และธปท. เพื่อให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
นายเผ่าภูมิ ระบุว่า จำเป็นต้องดูภาพใหญ่และนโยบายการคลังและการเงินของไทยต้องเป็นในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก มิเช่นนั้นไทยจะได้รับผลกระทบเรื่องของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน การส่งออก อัตราเงินเฟ้อ และกดดันภาพรวมของเศรษฐกิจ
ภาพจาก – กระทรวงการคลัง https://www.mof.go.th/