กอบศักดิ์ ชี้ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน ‘ร้อนแรงอย่างมาก’ พุ่งต่อเนื่องเดือนที่ 2

กอบศักดิ์ ภูตระกูล
กอบศักดิ์ ภูตระกูล

FETCO ชี้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง มองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ-กนง.ลดดอกเบี้ย-ท่องเที่ยวฟื้นตัว เป็นแรงหนุน ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อ-ความขัดแย้งระหว่างประเทศยังเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ผลสำรวจเดือนตุลาคม 2567 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ 160.66 ซึ่งนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

กอบศักดิ์ ภูตระกูล
กอบศักดิ์ ภูตระกูล

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ

สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)

ในช่วงเดือนครึ่งแรกของเดือน ต.ค. 67 SET Index ปรับตัวในกรอบแคบ ก่อนปรับขึ้นช่วงกลางเดือนหลังได้แรงกระตุ้นจาก กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 2.25% และปรับตัวลงในเวลาต่อมาจากแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ จากมุมมองว่า FED จะยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

โดย SET Index ณ สิ้นเดือน ต.ค. 67 ปิดที่ 1,466.04 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 54,750 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 27,968 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 122,757 ล้านบาท

Advertisment

สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจเกิดการลุกลาม ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 และทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐ หลังการเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแนวโน้มของเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของ กนง. ในการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป แรงหนุนจากการซื้อกองทุน ThaiESG และกองทุนวายุภักษ์ในช่วงท้ายของปี รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/2567 ที่คาดว่าจะออกมาดีในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

Advertisment