
การประชุมเพื่อคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ครบวาระ กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง และมีเหตุต้องเลื่อนการประชุมคัดเลือกออกไปเป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกกำหนดประชุมเคาะรายชื่อวันที่ 8 ต.ค. 2567 ก็แจ้งเลื่อนเคาะรายชื่อเป็น 4 พ.ย. และล่าสุดก็แจ้งขอเลื่อนเป็น 11 พ.ย.
จากกระแสความเคลื่อนไหวที่กังวลกรณีการคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท. เมื่อมีชื่อของ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ที่เสนอโดยปลัดกระทรวงการคลัง ขณะที่ทางผู้ว่าการ ธปท. มีสิทธิเสนอ 2 ชื่อ ก็ได้เสนอชื่อ “กุลิศ สมบัติศิริ” และ “สุรพล นิติไกรพจน์”
โดยผู้ที่ออกโรงคัดค้าน มีทั้งอดีตผู้ว่าการ ผู้บริหาร และพนักงาน ธปท. รวมถึงนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ และคณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัว เรียกร้องให้คณะกรรมการสรรหา พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีความสุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส มีธรรมาภิบาลเข้าดำรงตำแหน่ง เพื่อให้ ธปท.สามารถดำเนินพันธกิจของธนาคารกลาง ตามที่กำหนดไว้
และเมื่อ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ก็มี “ม็อบ” จาก 3 เครือข่ายที่มาชุมนุมกดดันหน้าที่ทำการ ธปท. พร้อมยื่นหนังสือจี้ให้ประธานคณะกรรมการคัดเลือกลาออกอีกด้วย
เลื่อนเคาะชื่อไป 11 พ.ย.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว นับว่ากดดันการตัดสินใจของคณะกรรมการคัดเลือกอยู่ไม่น้อย ทำให้ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุม
สำหรับรายชื่อคณะกรรมการคัดเลือก ประธาน บอร์ด ธปท. ประกอบด้วย นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง, นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม,
นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ, นายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต. และนายสุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขาธิการ คปภ.
จากเสียงคัดค้านที่หนักมากขึ้น กระทั่งคณะกรรมการคัดเลือก ตัดสินใจ “เลื่อน” เคาะรายชื่อ “อีกครั้ง” แม้ว่าจะมีเสียงยืนยันว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อทุกราย “คุณสมบัติผ่าน”
โดยนางวิเรขา สันตะพันธุ์ เลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกเปิดเผยว่า ประธานกรรมการคัดเลือกได้หารือกับกรรมการคัดเลือก และเห็นร่วมกันว่าต้องใช้เวลาในการพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน ครบถ้วน เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงให้เลื่อนกำหนดการประชุมที่จะมีขึ้นออกไป เป็นวันที่ 11 พ.ย. 2567
ทั้งนี้ นอกเหนือจากเหตุผลที่คณะกรรมการคัดเลือกแจ้งแล้ว ทราบกันดีว่าช่วงที่ผ่านมา มีกระแสคัดค้านรายชื่อแคนดิเดตประธานแบงก์ชาติ จากโควตาที่กระทรวงการคลังเสนออย่างหนัก ด้วยข้ออ้างที่ว่า “การเมืองแทรกแซง”
เปิดทางเสนอชื่อใหม่
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ประธานคณะกรรมการคัดเลือก เสนอให้ทางกระทรวงการคลัง “เปลี่ยนตัว” ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อคัดเลือกเป็นประธานกรรมการ ธปท.
เรื่องนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกไม่ได้บอกให้กระทรวงการคลังเสนอรายชื่อใหม่แทนชื่อนายกิตติรัตน์ แต่บอกว่าทั้งกระทรวงการคลัง และ ธปท. สามารถเสนอรายชื่อใหม่ได้ทั้งสองฝ่าย
ส่วนจะเสนอชื่อใครเข้าไปแทนหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน เพราะเป็นอำนาจของกรรมการคัดเลือก แต่อะไรก็ตามที่ทำให้ประเทศเดินหน้า ทุกคนมีความพอใจ ดีที่สุด
ขณะที่มีกระแสข่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอชื่อ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แทนนั้น นายพิชัยกล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมยืนยันว่า การเลื่อนการคัดเลือกประธานคณะกรรมการ ธปท. ไม่มีผลต่อการทำงาน เพราะมีผู้รักษาการอยู่แล้ว
“คนที่นั่งเป็นคณะกรรมการ หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มีอำนาจหน้าที่เท่าที่กำหนด ผมก็เคยดำรงตำแหน่ง ก็ไม่ได้มีอะไร เพราะผมก็เคยนั่ง เรื่องที่สำคัญจริง ๆ จะอยู่ในคณะกรรมการชุดย่อย” นายพิชัยกล่าว
ปมร้อนแห่งข้อกังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่รองนายกฯนายพิชัยระบุว่า ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มีอำนาจหน้าที่เท่าที่กำหนด …”เรื่องที่สำคัญจริง ๆ อยู่ที่คณะกรรมการชุดย่อย” ซึ่งคณะกรรมการชุดย่อยที่ รมว.คลังหมายถึงก็คือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.), คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) ที่จะเป็นคณะกรรมการกำหนดนโยบายต่าง ๆ
อย่างไรก็ดี เพราะตามข้อกฎหมายพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า “คณะกรรมการ ธปท.” มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนด ข้อบังคับว่าด้วยการเสนอชื่อ การพิจารณา รวมถึงการคัดเลือก ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ ของ กนง., กนส. และ กรช. จึงเป็นประเด็นที่อดีตผู้บริหารและพนักงานแบงก์ชาติ พากันออกมาเคลื่อนไหว เพราะเกรงว่าจะเข้ามาแทรกแซงในการตั้งคณะกรรมการทั้ง 3 ชุดนี้
รวมถึงความกังวลของการปรับแก้หลักเกณฑ์เกี่ยวกับ “การบริหารจัดการสินทรัพย์ในทุนสำรองเงินตราตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราและสินทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย”
อำนาจหน้าที่บอร์ด ธปท.
ทั้งนี้ ตามข้อกฎหมายพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย มาตรา 25 ระบุอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ธปท.ไว้ว่า คณะกรรมการ ธปท. มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการและการดำเนินการของ ธปท. เพื่อให้บรรลุซึ่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา 7
เว้นแต่กิจการและการดำเนินการที่เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน รวมทั้งให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย
(1) พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงานและงบประมาณ และประเมินผลการดำเนินกิจการและการดำเนินการของ ธปท. รวมทั้งประเมินผลการปฏิบัติงานโดยทั่วไปของผู้ว่าการ
(2) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยโครงสร้างองค์กร และการบริหารงานบุคคล
(3) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยการเสนอชื่อ การพิจารณา และการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน
(4) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยการป้องกันการมีส่วนได้เสียและจรรยาบรรณในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของกรรมการในคณะกรรมการตามมาตรา 17 ผู้ว่าการ พนักงาน และลูกจ้าง
(5) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยการมอบอำนาจ การรักษาการแทน การบริหารงานหรือดำเนินกิจการอื่นใด
(6) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยงบประมาณและรายจ่าย และการจัดซื้อและจัดจ้าง
(7) กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการกำหนดเงินเดือนและเงินอื่น ๆ รวมตลอดถึงการให้กู้ยืมเงินการสงเคราะห์และให้สวัสดิการต่าง ๆ แก่พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง และครอบครัวของบุคคลดังกล่าว
(8) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการสินทรัพย์ในทุนสำรองเงินตราตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราและสินทรัพย์ของ ธปท. ตามส่วนที่ 3 ของหมวด 6
(9) พิจารณาให้ความเห็นชอบการตั้งและการเลิกสาขาหรือสำนักงานตัวแทน
(10) กำหนดขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบตามมาตรา 55
(11) กำกับดูแลการจัดทำงบการเงิน รายงานประจำปี และรายงานอื่น ๆ ของ ธปท. ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
(12) ปฏิบัติการอื่นตามบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่น
ยังคงต้องจับตาความวุ่นวายในการเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าสุดท้ายแล้ว จะมีจุดลงเอยอย่างไร เพราะขณะนี้กระบวนการก็ล่าช้า ลากยาวออกมาพอสมควรแล้ว
สุดท้ายแล้ว คณะกรรมการคัดเลือกคงต้องตัดสินใจ หาข้อสรุปออกมา เพื่อเดินหน้าต่อไป