บาท Sideways จับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

บาท Sideways จับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่ผลสำรวจส่วนใหญ่ชี้คะแนนความนิยมของคามาลา แฮร์ริส และโดนัลด์ ทรัมป์ สูสีกันมาก

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.79/80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (04/11) ที่ระดับ 33.73/74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

โดยระหว่างวันค่าเงินบาทปรับตัว Sideways Down จากที่เมื่อวานแข็งค่าขึ้นระหว่างวันซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (01/11) ที่ต่ำกว่าคาดการณ์อย่างมาก และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี

ในวันนี้ตลาดรอติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเวลากลางคืนของไทย ซึ่งในขณะนี้ผลสำรวจส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าคะแนนความนิยมของคามาลา แฮร์ริส และโดนัลด์ ทรัมป์ ใกล้เคียงกันมาก ทั้งนี้หน่วยการเลือกตั้งสุดท้ายอยู่ที่รัฐอะแลสกา และจะปิดลง ณ เวลา 01.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 13.00 น. ของวันที่ 6 พ.ย. ตามเวลาไทย

โดยผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการมักจะถูกประกาศหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งไปอีกหลายวัน ซึ่งอาจไปคาบเกี่ยวกับการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6-7 พ.ย. ซึ่งตลาดาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% จากปัจจัยข้างต้นอาจทำให้ค่าเงินผันผวนได้สูงในระยะนี้

ด้านปัจจัยภายในประเทศ วันนี้ นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งเสริมทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.คาดการณ์การส่งออกปี 2567 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 2% จากเดิมที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ 1-2% หรือมีมูลค่าราว 290,084 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทแตะ 10 ล้านล้านบาท

Advertisment

ทั้งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการผลักดันการส่งออก อีกทั้งมั่นใจว่าการส่งออกโค้งสุดท้ายของปีจะดีมากกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตามการส่งออกของไทยยังอาจเผชิญกับเสียงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ดัชนีภาคการผลิตที่ยังคงชะลอตัวในตลาดสำคัญ มาตรการทางการค้า และปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนภาคการผลิต

นอกจากนี้ในวันนี้ตลาดหุนไทยภาคปรับตัวขึ้นกว่า 20 จุด ตามตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะหุ้นจึนและฮ่องกงที่คาดว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่เพิ่มเติม โดยมีแรงซื้อหุ้นใหญ่ ได้แก่ DELTA PTTEP ADVANC PTT CPALL เป็นต้น

Advertisment

ทั้งนี้ในระหว่างวันบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.59-33.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.60/61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (05/11) ที่ระดับ 1.0873/74 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (04/11) ที่ระดับ 1.0876/77 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหว Sideways จากการที่ตลาดรอรับข่าวผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0871-1.0896 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0895/96 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (05/11) ที่ระดับ 152.38/39 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (04/11) ที่ระดับ 152.13/15 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหว Sideways เช่นเดียวกับสกุลเงินเอื่น จากปัจจัยเดียวกันนี้ โดยในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 152.08-152.55 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 152.18/19 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือน ก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ต.ค. จาก S&P Global ของสหรัฐ, ดัชนีภาคบริการเดือน ต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.2/-6.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -5.9/-4.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ