หุ้นไทยติดตามผลเลือกตั้งสหรัฐ คาดช่วงบ่ายแกว่ง 1,475-1,490 จุด

หุ้นไทยติดตามผลเลือกตั้งสหรัฐ ปิดภาคเช้ายืนบวก 1,483.15 เพิ่มขึ้น 1.48 จุด แรงหนุนมาจากหุ้นอิเล็กทรอนิกส์-ธนาคาร-ยางพารา-BDMS-ADVANC-GULF ส่วนแรงกดดันมาจากหุ้นพลังงาน-การเงิน-CPALL-BH-AOT บล.ฟิลลิปคาดภาคบ่าย SET แกว่ง 1,475-1,490 จุด ชูหุ้นเด่นสุดวันนี้ STA ด้าน “บล.เอเซีย พลัส” ชูชุดหุ้นเด่น Republican-Democrat

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดภาคเช้าวันนี้ ดัชนี SET แกว่งตัวออกข้าง ปิดที่ 1,483.15 เพิ่มขึ้น 1.48 จุด (+0.10%) โดยแรงหนุนมาจากหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มธนาคาร กลุ่มยางพารา รวมถึงหุ้น BDMS, ADVANC และ GULF ขณะที่แรงกดดันมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน กลุ่มการเงิน รวมถึงหุ้น CPALL, BH และ AOT

สำหรับมุมมองช่วงภาคบ่ายคาดว่าดัชนี SET แกว่งตัวไซด์เวย์ ในกรอบ 1,475-1,490 โดยมองบรรยากาศหนุนมาจากภาพการส่งออกของไทยปี 2567 หลัง กกร.มองได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กฯ ที่ส่งผลให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ 2.5-2.9% สูงกว่าประมาณการเดิมที่ 1.5-2.5% ประกอบกับมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นกำลังซื้อ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ

ขณะที่แรงกดดันมาจากการเผยเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ต.ค. 2567 ของไทยที่ขยายตัว 0.83% YOY เข้าใกล้ขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% อีกทั้งในเดือน พ.ย. 2567 นั้น สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (TPSO) มองมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ภาพข้างต้นสอดรับกับมุมมองของ กนง.ที่มองว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยเข้าสู่กรอบในช่วงปลายปี 2567 และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรักษาจุดยืนของนโยบายการเงินที่เป็นกลาง

ด้านการเลือกตั้งสหรัฐยังคงต้องติดตาม หลังผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการบ่งชี้ว่า ทรัมป์กำลังมีคะแนนนำแฮร์ริส ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลนโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของทรัมป์ อย่างไรก็ดีแม้ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่อาจถูกเพ็งเล็ง หากทรัมป์ได้เข้าสู่ทำเนียบขาว จากการที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ หากแต่ทางฝ่ายมองในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยหนุนต่อการส่งออกของไทย จากการนำเข้าของสหรัฐ ที่มีแนวโน้มเบียงเบนออกจากจีน สอดรับกับการที่จีนมีแนวโน้มโดนขึ้นภาษีสูงกว่าไทย ส่วนระยะกลาง-ยาว ยังคงต้องติดตามว่า ทรัมป์จะมีมาตรการเพิ่มเติมต่อไทยหรือไม่

สำหรับหุ้น Top pick วันนี้เลือก STA คาดไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 870 ล้านบาท เติบโต 312% YOY และ 38.4% QOQ โดยคาดปริมาณขายการ 3.4 แสนตัน เพิ่มขึ้น YOY และ QOQ เนื่องจากจากมียอด Backlog ของ EUDR เลื่อนมาส่งในช่วงไตรมาส 3/2567 ขณะที่ถุงมือยางคาดมีปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการเลื่อนการขนส่งมายังไตรมาส 3/2567 เหมือนธุรกิจยาง ด้านราคาขายยางเฉลี่ยคาดที่ 1,806 เหรียญต่อตัน สูงขึ้น YOY และ QOQ

ADVERTISMENT

นางสาวปวริศา เลิศกิจคุณานนท์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และด้านเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แกว่งบวกสลับลบในช่วงตั้งแต่ -2.57% ถึง +1.91% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ทรงตัวที่ 1,483.15 จุด +1.48 จุด (+0.10%) มีมูลค่าการซื้อขาย 22,224.64 ล้านบาท แรงซื้อหลักมาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA +2.69%, KCE +3.45%, HANA +3.25%) และกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS +1.83%) ส่วนแรงขายมาจากกลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR -5.85%, SAWAD -1.18%)

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นภาคบ่าย 1.ติดผลการเลือกตั้งสหรัฐ ซึ่งล่าสุดคะแนนเสียงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ (Popular Vote) ทรัมป์ (Republican) นำแฮร์ริส (Democrat) 51.1% ต่อ 47.5% แต่ต้องติดตามผล Swing State 7 รัฐแอริโซนา, จอร์เจีย, มิชิแกน, เนวาดา, นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ที่จะเป็นปัจจัยชี้วัดในรอบนี้ เหมือนผลการเลือกตั้งที่ผ่าน ๆ มาทั้งปี 2016 และปี 2020 ชุดหุ้นเด่น Republican คือหุ้นนิคม AMATA, WHA, ROJNA หุ้นเดินเรือ RCL, PSL หุ้นขนส่ง SJWD, WICE ชุดหุ้นเด่น Democrat หุ้นบาทแข็งคือ GULF, BGRIM, GPSC หุ้นวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง MTC, TIDLOR หุ้น China Play คือ IVL, SCGP, SCC

ADVERTISMENT

2.ตัวเลขภาคการบริการสหรัฐ ISM เดือน ต.ค. ออกมาที่ 56 จาก 54.9 ใน เดือน ก.ย. สูงสุดในรอบ 2 ปี สูงกว่าคาดที่ 53.8 สะท้อนถึงภาคบริการและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น หลัก ๆ มาจากการจ้างงานที่กลับมาฟื้นตัวเหนือระดับ 50 (ออกมาที่ 53 จาก 48.1) ขณะที่ฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐตอบรับประเด็นดังกล่าว Dow Jones +1.02%, S&P 500 +1.23%, NASDAQ +1.32%

3.ตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ต.ค. ออกมา +0.83% YOY ต่ำกว่าคาดที่ +0.94% YOY และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3% มีโอกาสทำให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงดอกเบี้ยต่อระดับ 2.25% ต่อเนื่องถึงสิ้นปี (แต่จะต้องพิจารณาจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจอีกที) ขณะที่ SET Index ภาพหลักยกโลว์ ต่อเนื่องแกว่งลักษณะไซด์เวย์อัพพร้อม Indicator อย่าง RSI ที่เร่งตัวขึ้นต่อเหนือ 50 ประเมิน หากย่อไม่หลุดต่ำกว่า 1,468 จุด มีโอกาสขยับทดสอบจุดสูงสุด (High) ที่ 1,506 จุด เพื่อข้ามทดสอบ 1,530 จุด

4. ประเด็นติดตามพรุ่งนี้ 7 พ.ย. 2567 ตัวเลขส่งออก-นำเข้าจีน ในเดือน ต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐ, ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ตลาดคาดลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75%, ติดตามธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผยรายงานประชุมเดือน ก.ย. มีมติเตรียมขึ้นดอกเบี้ยต่อ 19 ธ.ค. หุ้นเทคนิคเลือก RCL, DOHOME