
‘สมหมาย ภาษี’ อดีต รมว.คลัง ห่วงฐานะการคลังเสี่ยงวิกฤต จากการกู้หนี้ช่วงโควิด-19 ถึงปัจจุบัน สวนทางรายได้ที่จำกัด ชี้เลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติยึดตามกรอบ ไม่มีอำนาจให้รัฐบาลมีรายได้สูงขึ้น-หนี้ลดลง ย้ำภาครัฐเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งกลุ่มฐานราก-SMEs-ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ
นายสมหมาย ภาษี ประธานกรรมการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวในงานสัมมนา “30 years of ThaiBMA” จัดโดย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ถึงความกังวลเกี่ยวกับฐานะทางการคลังของไทยที่มีการกู้ตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่าความชัดเจนทางการคลังจะมีความย่ำแย่ต่อเนื่อง โดยระดับหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง สวนทางกับรายได้ที่มีจำกัด รวมถึงการก่อภาระหนี้มากขึ้น จะส่งผลไปถึงปีงบประมาณถัดไปและเครดิตของประเทศลดลง
ความกดดันทางการคลังดังกล่าวจะส่งผลให้การดำเนินมาตรการทางการเงินมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติจะมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ นายสมหมายมองว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน แบงก์ชาติมีอำนาจหน้าที่ตามกรอบอยู่แล้ว ไม่สามารถทำให้รัฐบาลมีรายได้สูงขึ้นหรือมีหนี้ลดลง โดยส่วนตัวในภาวะที่จำกัดของประเทศเช่นนี้ ตนไม่มีข้อเสนอแนะใด ๆ แต่อยากให้เวลารัฐบาลได้ทำงานสักระยะแล้วจึงนำผลงานมาตัดสิน
ขณะที่กระแสต้านผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวงการคลังเข้าชิงประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มองว่า เรื่องนี้สามารถจัดการได้ ซึ่งผู้ที่สมัครเข้ามาชิงตำแหน่งก็ผ่านกฎเกณฑ์แล้วจึงสามารถสมัครเข้ามาได้ ส่วนคนที่ออกมาต่อต้าน เนื่องจากกังวลว่าผู้เข้าชิงตำแหน่งจะข้องเกี่ยวทางการเมือง ซึ่งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ถือเป็นคนเก่งของประเทศ แต่มาจากพรรคเพื่อไทย
หากผู้เข้าชิงตำแหน่งคนอื่นมาจากพรรคการเมืองอื่นก็เชื่อว่าจะเกิดความกังวลเช่นกัน เพราะต้องไม่ให้คนที่เกี่ยวโยงกับพรรคการเมืองอย่างชัดเจนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ซึ่งความจริงแล้วอยากให้เข้าใจว่าผู้ที่มาดำรงตำแหน่งมีกรอบหน้าที่ตามข้อกำหนด ไม่สามารถสั่งการเกินหน้าที่ได้เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ
นายสมหมายยังกล่าวอีกว่า หากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้ามาดำรงตำแหน่งแล้ว ตนไม่คิดว่าจะเกิดผลกระทบอย่างที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการล้วงทุนสำรองหรือการโยกย้ายกองทุน FIDF ส่วนการเปลี่ยนตัวคนเข้าชิงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือไม่นั้น ก็ต้องแล้วแต่กระทรวงการคลัง ซึ่งตนรู้จักผู้เข้าชิงตำแหน่งทั้ง 3 ท่าน ซึ่งก็ล้วนมีความฉลาด
สำหรับก่อนหน้านี้ที่มีสำนักวิจัยทางเศรษฐกิจออกมาเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยโตต่ำ มีการลงทุนต่ำ อาจถูกลดเครดิตเรตติ้งประเทศได้ นายสมหมายกล่าวว่า ยังไม่ต่ำจนถึงขนาดถูกลดเครดิตได้ แต่ถ้าปล่อยให้สถานการณ์ดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลานานก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยส่วนตัวความกังวลด้านเศรษฐกิจมีความกังวลหลายด้าน ทั้งกลุ่มฐานรากได้รับความเดือดร้อน ภาคธุรกิจตั้งแต่กลุ่ม SMEs ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ยังเชื่อว่าจะยังไม่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของตลาดตราสารหนี้ไทยก็พร้อมสนับสนุนหากรัฐบาลต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน