บลจ. จิตตะ เวลธ์ มองผลกระทบการลงทุนหลังทรัมป์รีเทิร์น ชี้ระยะสั้นตลาดหุ้นสหรัฐอาจผันผวนแบบเป็นขาขึ้น แต่ระยะยาวเป็นบวกแน่นอน จากนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล การกีดกันการค้า ที่จะหนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนและดึงเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสหรัฐมากขึ้น ฟันธงนี่คือโอกาสลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนหุ้นสหรัฐ ก่อนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยิ่งแข็งค่าในอนาคต
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า เวลานี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งการเลือกตั้งที่สิ้นสุดลงช่วยสร้างความชัดเจนให้กับตลาดการลงทุน โดยจะเห็นได้ว่าดัชนี S&P 500 ตอบรับในเชิงขาขึ้นไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่เพียงผลตอบรับระยะสั้นเท่านั้น เพราะตามสถิติระยะยาวของดัชนี S&P 500 พบว่าหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสิ้นสุดลง ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 83% และหลังการเลือกตั้งในปีถัด ๆ ไปจะเห็นดัชนีเป็นบวก จากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบระยะสั้นจากการที่นายทรัมป์ได้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้งนั้น อาจจะได้เห็นตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนได้ในระยะสั้น แต่จะเป็นการผันผวนในขาขึ้น ด้วยบุคลิกของนายทรัมป์ที่ค่อนข้างแข็งกร้าวในการดำเนินนโยบายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ หากพิจารณานโยบายของนายโดนัลด์ทรัพป์ที่ได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงนั้น มีแนวโน้มจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางขาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% มาอยู่ที่ 20% และในอนาคตจะลดมาเหลือ 15% ซึ่งหากสามารถทำได้จริงก็จะช่วยให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มมากขึ้น ราคาหุ้นก็จะขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้แนวโน้มเงินทุนจะไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายตั้งกำแพงภาษี และนโยบายการกีดกันผู้อพยพของนายทรัมป์อาจจะช่วยให้คนอเมริกันมีรายได้ และใช้จ่ายอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจได้รับการกระตุ้น และเมื่อเศรษฐกิจดีตลาดหุ้นก็จะเติบโตไปด้วยนั่นเอง
นายตราวุทธิ์ยังกล่าวว่า ในเวลานี้ถือเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งนอกจากความชัดเจนในเรื่องผลการเลือกตั้งแล้ว หากพิจารณาในแง่ของค่าเงินที่เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระทบกับผลตอบแทนการลงทุนนั้น ในช่วงหลังการเลือกตั้งจะหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้อีก นักลงทุนจึงควรใช้โอกาสนี้ในการลงทุนก่อนที่ต้นทุนการลงทุนจะเพิ่มสูงขึ้นตามไป