คอลัมน์ : นั่งคุยกับห้องค้า ผู้เขียน : ดร.กอบสิทธิ์ ศิลปชัย, จงรัก ก้องกำชัย ธนาคารกสิกรไทย
ชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2024 ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ หลังจากผลสำรวจก่อนการเลือกตั้งบ่งชี้ถึงความนิยมระหว่างอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ คามาลา แฮร์ริส ที่ใกล้เคียงกันมาก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่พรรคใดพรรคหนึ่งอาจไม่สามารถครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาได้ อันจะทำให้การดำเนินนโยบายตามที่ได้หาเสียงเผชิญอุปสรรค
อย่างไรก็ดี ผลการเลือกตั้งเบื้องต้น (ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 16.30 น.) สะท้อนว่าทรัมป์และพรรครีพับลิกันได้รับคะแนนเสียงข้างมากทั้งในสภาบน (Senate) ด้วยคะแนน 51 เสียงจาก 100 เสียง และสภาล่าง (House of Representatives) ด้วยคะแนนเสียงเกิน 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
หลังจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาจะเป็นกระบวนการเลือกตั้งของสหรัฐ ซึ่งคณะผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐจะลงคะแนนเสียงอีกครั้ง และคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงคริต์สมาสของปีนี้ โดยสินทรัพย์แต่ละประเภทอาจได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป ตามทิศทางนโยบายของทรัมป์ที่จะเริ่มเห็นการออกมา เน้นย้ำถึงกระบวนการและช่วงเวลาบังคับใช้มากขึ้น
เราประเมินว่าชัยชนะของทรัมป์ถือเป็นข่าวดีต่อดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อจากนี้ จากนโยบายการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนและยุโรป ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การอ่อนค่าของหยวนและยูโร และหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นได้ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์ให้ปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มนโยบายของทรัมป์ที่เน้นสนับสนุนภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ดี ชัยชนะครั้งนี้อาจไม่ใช่ข่าวดีนักสำหรับสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐเองอาจได้รับแรงกดดันด้วย จากความกังวลเกี่ยวกับฐานะการคลัง ท่ามกลางนโยบายใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของทรัมป์ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น แม้เฟดจะอยู่ในขาลดดอกเบี้ย
ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มปรับลดลงจากทิศทางนโยบายของทรัมป์ที่เตรียมลดการสนับสนุนสงครามในยูเครน ทำให้เงินลงทุนมีแนวโน้มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และมีแนวโน้มทำให้ราคาพลังงานปรับลดลงตามความเสี่ยงด้านอุปทานพลังงานที่จะทยอยลดลง
นอกจากนี้ ค่าเงินเอเชียภายใต้นโยบายการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่จะทวีความรุนแรงขึ้น โดยถึงแม้ประเทศในภูมิภาคเอเชียอาจได้รับผลประโยชน์จากการเบี่ยงเบนทางการค้าออกจากจีนของสหรัฐ แต่ด้วยจีนที่ยังถือว่าเป็นคู่ค้าสำคัญของเอเชีย ส่งผลให้ค่าเงินอื่นในภูมิภาคอาจได้ผลกระทบให้อ่อนค่าไปด้วย
การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ข้างต้นคาดว่าจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ ก่อนที่ตลาดจะเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว และผลของการเลือกตั้งต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์จะทยอยปรับลดลง หลังตลาดจะเริ่มรับรู้ถึงข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ และผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายต่าง ๆ ในรัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 มากขึ้น