ชัยชนะของทรัมป์ ความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ

Trump wins
Former US President and Republican presidential candidate Donald Trump gestures at supporters after speaking as he holds hands with former US First Lady Melania Trump during an election night event at the West Palm Beach Convention Center in West Palm Beach, Florida, early on November 6, 2024. - Republican former president Donald Trump closed in on a new term in the White House early November 6, 2024, just needing a handful of electoral votes to defeat Democratic Vice President Kamala Harris. (Photo by Jim WATSON / AFP)
คอลัมน์ : นั่งคุยกับห้องค้า
ผู้เขียน : ดร.กอบสิทธิ์ ศิลปชัย, จงรัก ก้องกำชัย ธนาคารกสิกรไทย

ชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2024 ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ หลังจากผลสำรวจก่อนการเลือกตั้งบ่งชี้ถึงความนิยมระหว่างอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ คามาลา แฮร์ริส ที่ใกล้เคียงกันมาก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่พรรคใดพรรคหนึ่งอาจไม่สามารถครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาได้ อันจะทำให้การดำเนินนโยบายตามที่ได้หาเสียงเผชิญอุปสรรค

อย่างไรก็ดี ผลการเลือกตั้งเบื้องต้น (ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 16.30 น.) สะท้อนว่าทรัมป์และพรรครีพับลิกันได้รับคะแนนเสียงข้างมากทั้งในสภาบน (Senate) ด้วยคะแนน 51 เสียงจาก 100 เสียง และสภาล่าง (House of Representatives) ด้วยคะแนนเสียงเกิน 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง

หลังจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาจะเป็นกระบวนการเลือกตั้งของสหรัฐ ซึ่งคณะผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐจะลงคะแนนเสียงอีกครั้ง และคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงคริต์สมาสของปีนี้ โดยสินทรัพย์แต่ละประเภทอาจได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป ตามทิศทางนโยบายของทรัมป์ที่จะเริ่มเห็นการออกมา เน้นย้ำถึงกระบวนการและช่วงเวลาบังคับใช้มากขึ้น

เราประเมินว่าชัยชนะของทรัมป์ถือเป็นข่าวดีต่อดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อจากนี้ จากนโยบายการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนและยุโรป ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การอ่อนค่าของหยวนและยูโร และหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นได้ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์ให้ปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มนโยบายของทรัมป์ที่เน้นสนับสนุนภาคธุรกิจ

อย่างไรก็ดี ชัยชนะครั้งนี้อาจไม่ใช่ข่าวดีนักสำหรับสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐเองอาจได้รับแรงกดดันด้วย จากความกังวลเกี่ยวกับฐานะการคลัง ท่ามกลางนโยบายใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของทรัมป์ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น แม้เฟดจะอยู่ในขาลดดอกเบี้ย

ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มปรับลดลงจากทิศทางนโยบายของทรัมป์ที่เตรียมลดการสนับสนุนสงครามในยูเครน ทำให้เงินลงทุนมีแนวโน้มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และมีแนวโน้มทำให้ราคาพลังงานปรับลดลงตามความเสี่ยงด้านอุปทานพลังงานที่จะทยอยลดลง

Advertisment

นอกจากนี้ ค่าเงินเอเชียภายใต้นโยบายการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่จะทวีความรุนแรงขึ้น โดยถึงแม้ประเทศในภูมิภาคเอเชียอาจได้รับผลประโยชน์จากการเบี่ยงเบนทางการค้าออกจากจีนของสหรัฐ แต่ด้วยจีนที่ยังถือว่าเป็นคู่ค้าสำคัญของเอเชีย ส่งผลให้ค่าเงินอื่นในภูมิภาคอาจได้ผลกระทบให้อ่อนค่าไปด้วย

การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ข้างต้นคาดว่าจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ ก่อนที่ตลาดจะเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว และผลของการเลือกตั้งต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์จะทยอยปรับลดลง หลังตลาดจะเริ่มรับรู้ถึงข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ และผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายต่าง ๆ ในรัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 มากขึ้น

Advertisment