ช่อง 3 ไตรมาส 3/67 เจอค่าโฆษณาหด กำไรลดเหลือ 45.9 ล้านบาท

ช่อง 3

ช่อง 3 เปิดผลประกอบการไตรมาส 3/2567 แตะ 1,068.4 ล้านบาท ลดลง 3.7% จากไตรมาสที่แล้ว ขณะที่กำไรประจำไตรมาส ลดลงเหลือ 45.9 ล้านบาท ยอมรับกดดันจากเศรษฐกิจย่ำแย่ ประกอบกับประชาชนมีกำลังซื้อลดลง แง้มช่องทางทำเงินใหม่จากกิจกรรมต่อยอดละครที่ประสบความสำเร็จให้รายได้ดี

บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 ว่า มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ อยู่ที่ 45.9 ล้านบาท ลดลง 35.7% จากไตรมาส 2/2567 แต่เพิ่มขึ้น 21.2% จากไตรมาส 3/2566

โดยผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนนั้น เป็นผลจากเม็ดเงินโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ในไตรมาส 3/2567 ลดลง ซึ่งต้องรับมือกับแรงกดดันที่มาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางจากหลายปัจจัย และประชาชนมีกำลังซื้อที่ลดลงจากค่าครองชีพที่มีการปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลต่อรายได้จากการขายเวลาโฆษณาของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้

บริษัท มีรายได้จากการขายลิขสิทธิ และบริการอื่นๆ ประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายละครไปต่างประเทศ ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม และธุรกิจใหม่ “ธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน” รวมอยู่ที่ 249.0 ล้านบาท (23.3%) ของรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่ม หรือเพิ่มขึ้น 35.8% จากไตรมาส 2 และเพิ่มขึ้น 28.0% จากไตรมาส 3 ของปี 2566

บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น ในงบแสดงฐานะการเงินรวม 4,323.2 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2567 และมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน 1,397.9 ล้านบาท

ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีการพัฒนาทางธุรกิจที่สำคัญ ดังนี้

Advertisment
  1. ธุรกิจการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มระหว่างประเทศ อาทิ ละครชุดดวงใจเทวพรหม “พรชีวัน”, น่านฟ้าชลาลัย, โลกหมุ่นรอบเธอ และหนึ่งในร้อย

2. ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจใหม่กับ Lazada ผู้นำตลาด E-commerce ในการทำ Marketing Campaign ร่วมกัน สามารถเพิ่มสมาชิกใหม่ได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังควบคุมค่าใช้จ่ายสื่อการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของแพลตฟอร์ม 3Plus Premium มีกลยุทธ์การจัดการคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีอัตราการเติบโตของจำนวนสมาชิกอย่างต่อเนื่อง จากสิ้นปีก่อน 10%

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ DHEVAPROM FAN CON AFTER PAERTY และ DEAR my love LING&ORM ที่เพิ่มโอกาสให้สมาชิกเข้าถึงผ่านช่องทาง Live Streaming

Advertisment

3. ธุรกิจภาพยนตร์ ความสำเร็จจากการเปิดตัวภาพยนตร์ “ธี่หยด” ในปี 2566 ทำรายได้มากกว่า 400 ล้านบาท จึงต่อยอดทำภาค 2 เข้าฉายไปเมื่อ 10 ตุลาคม 2567 และทำลายสถิติรายได้เปิดตัวสูงสุดอันดับ 1 ในปีนี้

4. ธุรกิจ Events & Artist Management มีการจัดกิจกรรม Fan meet ต่อยอดกระแสความสำเร็จของละคร โดยมีกิจกรรม ดังนี้

  • DHEVAPROM FAN CON AFTER PAERTY
  • DEAR my love LING& ORM Fan Meeting 2024

ทุกกิจกรรมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และประสบความสำเร็๗จากการจำหน่ายบัตรชมการแสดงแบบออนไลน์อีกด้วย นอกจากนี้ยังเริ่มมีธุรกิจบริหารศิลปิน โดยมีนักแสดงที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ หลิง หลิง คอง, ออม กรณ์ภัส และเทศน์ ไมรอน

5. เรื่องอื่น ๆ วันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท เป็นจำนวนเงิน 80 ล้านบาท โดยจ่ายในวันที่ 5 กันยายน 2567

สรุปรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่ม BEC สำหรับไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 1,068.4 ล้านบาท ลดลง 41.41 ล้านบาท หรือ 3.7% จากไตรมาส 2/2567 และลดลง 45.3 ล้านบาท จากไตรมาส 3/2566 ทั้งนี้รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ยังคงเป็ยรายได้หลักอยู่ที่ 76.3% ของรายได้จากการดำเนินงาน โดยยังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของช่อง 33 เป็นหลัก

ช่อง 3 ไตรมาส 3/2567
(เครดิตภาพ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ช่อง 3 ไตรมาส 3/2567
(เครดิตภาพ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ช่อง 3 ไตรมาส 3/2567
(เครดิตภาพ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ช่อง 3 ไตรมาส 3/2567
(เครดิตภาพ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ช่อง 3 ไตรมาส 3/2567
(เครดิตภาพ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)