บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่อง แนวรับ 2,550 ดอลลาร์ ด้านทองไทยแนวรับ 41,900-42,000 บาท ชี้เป็นจังหวะซื้อเก็บหากสามารถถือยาวได้ ย้ำระยะยาวทองยังเป็นขาขึ้น แนะนักลงทุนติดดอยรอลุ้นปีหน้า 68 หากมีสงครามใหม่ คาดแตะ 3,000 ดอลลาร์
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุเกิดจากผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ทองคำ นอกจากนี้นักลงทุนยังเกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้นเอเชีย เพื่อที่กลับไปซื้อหุ้นสหรัฐฯ ด้วย
โดยประเมินแนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นยังเป็นทิศทางขาลง จากที่ทองคำเริ่มมีแรงเทขายออกมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ประเมินแนวรับ 2,550 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ด้านทองคำในประเทศ มองแนวรับ 41,900-42,000 บาท ซึ่งแนะนำนักลงทุนช่วงนี้หากสามารถถือยาวได้ เป็นจังหวะที่ซื้อเก็บไว้
อย่างไรก็ตามในระยะยาวทิศทางราคาทองคำยังเป็นเทรนด์ขาขึ้นอยู่ อาจจะต้องรอให้ทองคำสามารถสร้างฐานได้ อาจจะเป็นช่วงเดือน ธ.ค.67 ด้านนักลงทุนที่ติดดอยในราคาที่สูงอาจต้องรอลุ้นปีหน้า 68 หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มทยอยปรับลดออัตราดอกเบี้ย รวมถึงติดตามนโยบายต่าง ๆ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศออกมา ช่วงแรกอาจจะส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ แต่ในปีถัดไป 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ อาจเริ่มมีทิศทางหรือนโยบายที่จะเกิดสงครามใหม่ขึ้นได้ ซึ่งยังคงต้องติดตามต่อไป
โดยประเมินราคาทอง spot ปี 68 อยู่ที่ 2,800-2,860 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แต่หากเกิดสงครามใหม่ขึ้น ราคาทองคำจะสามารถแตะระดับ 3,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้
ทั้งนี้ ราคาทองคำวันนี้ (12 พฤศจิกายน 2567) เปิดครั้งที่ 1 ลดลง 300 บาท และผันผวนถึง 16 ครั้ง ลดลงที่ 750 บาท โดยราคาขายออกทองรูปพรรณอยู่ที่ 43,250 บาท รับซื้อบาทละ 41,887.08 บาท ขณะที่ทองคำแท่ง ราคาขายออกที่ 42,750 บาท รับซื้อ 42,650 บาท และราคา Gold Spot ที่ 2,593 เหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำ ณ เวลา 16:11 นาที