หุ้นไทยปัจจัยแวดล้อมเป็นลบกดดัชนี แนวรับ 1,430 จุด

ตลาดหุ้น

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินตลาดหุ้นไทยปัจจัยแวดล้อมยังเป็นลบกดดัชนี ค่าดอลลาร์แข็งค่ากดดันเงินบาทอ่อนค่าเป็นลบต่อฟันด์โฟลว์ บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวขึ้น สร้างบรรยากาศลบต่อตลาด มองแนวรับ 1,440 จุด และ 1,430 จุด ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ต.ค. ในคืนนี้ แนะหุ้นเด่น CPF-AU

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ปัจจัยแวดล้อมยังเป็นลบกดดัชนี SET โดยค่าดอลลาร์แข็งค่ากดดันเงินบาทอ่อนค่ายังเป็นลบต่อทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น สร้างบรรยากาศลบต่อตลาดให้ปรับตัวลงได้อยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,440 จุด และ 1,430 จุด ตามลำดับ ด้านการฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 14,50-1,460 จุด ประเด็นสำคัญติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ต.ค. ในคืนนี้

ประเด็นสำคัญช่วงนี้ ประกอบด้วย 1.นายกฯนัดถกบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก 19 พ.ย.นี้ โดยเตรียมถกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งต่อยอดมาตรการเดิมและมาตรการใหม่ ที่จะลงลึกรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

2.ครม.เห็นชอบ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบ่งเป็นมาตรการสินเชื่อ 1.5 หมื่นล้านบาท ช่วยคนรายได้น้อยแก้หนี้นอกระบบ และมาตรการสินเชื่อ “ซื้อ แต่ง ซ่อม สร้างบ้าน” กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อีก 5.5 หมื่นล้านบาท

3.สมาคมโรงแรมไทยเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรมเดือน ต.ค. 2567 พบธุรกิจโรงแรมปรับดีขึ้น สะท้อนจากอัตราเข้าพักอยู่ที่ 58% เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย. 2567 และเดือน ก.ย. 2566 ตามฤดูกาลท่องเที่ยว โดยไตรมาส 4/67 คาดดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้นรับอากาศเย็น-ไฮซีซั่นปีใหม่

4.โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2567 และปี 2568 เหลือวันละ 1.82 ล้านบาร์เรล และ 1.54 ล้านบาร์เรล ลดลงจาก 1.93 ล้านบาร์เรล และ 1.64 ล้านบาร์เรล ที่มีการคาดการณ์ในเดือน ต.ค. ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับลดอุปสงค์เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือน พ.ย.

ADVERTISMENT

5.จีนเผยยอดปล่อยกู้ใหม่เดือน ต.ค. ชะลอตัวลงเหลือเพียง 5 แสนล้านหยวน ต่ำกว่าที่ตลาดคาด เทียบกับเดือน ก.ย.ที่ 1.59 ล้านล้านหยวน กดดันจากความต้องการระดมทุนภาคเอกชนที่ต่ำและความสามารถทำกำไรที่ลดลง

6.รมช.คลังโต้ความเห็นจากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่า บาทอ่อนค่ามากที่สุดในเอเชีย เนื่องจากความกังวลต่อความอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่มองว่าปัจจัยส่วนใหญ่มาจากภายนอกเป็นหลัก เช่น ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ADVERTISMENT

7.นายกฯญี่ปุ่นเตรียมงบฯราว 10 ล้านล้านเยน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ในระยะ 10 ปีข้างหน้า เพื่อเร่งการเติบโตของการลงทุนทั้งในภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ แม้ช่วงสั้นมองดัชนี SET จะแกว่งตัว Sideways up โดยปัจจัยลบที่มีต่อเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศมีค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ดี คาดเงินเฟ้อสหรัฐจะยังชะลอตัวลง ทำให้แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงความชัดเจนในการดำเนินนโยบายของทรัมป์ น่าจะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป

“ผลกระทบจากความคาดหวังของนโยบายรัฐบาลใหม่ของสหรัฐต่อเศรษฐกิจมหภาค จะทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง และอาจจะส่งผลกับทิศทาง Fund Flow โดยเฉพาะนโยบายระหว่างประเทศที่มีต่อจีน ส่วนปัจจัยในประเทศคาดจะถูกขับเคลื่อนด้วยการเข้าสู่ช่วงโค้งสัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบการเงินช่วงไตรมาส 3/67 กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ CPF ไตรมาส 3/67 คาดกำไรปกติที่ 6.3 พันล้านบาท เติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร หนุนจากราคาสัตว์บกต่างประเทศและในประเทศที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำ นอกจากนี้ยังมี Upside มากที่สุดในกลุ่มจากวงจรการปรับลดดอกเบี้ยที่กำลังจะมาถึง และจะมี Downside จากการปรับขึ้นค่าแรงน้อยกว่าบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน

และ AU ไตรมาส 3/67 กำไรทำนิวไฮและดีกว่าตลาดคาด ขณะที่ไตรมาส 4/67 คาดยังเติบโตดี YOY หนุนให้ปี 2567 คาดมีกำไรโตเด่น 65% YOY และยังโตต่อ 18% YOY ในปี 2568 แรงหนุนหลักมาจากรับรู้ยอดขายจากช่องทางใหม่ ๆ เช่น ยอดขายจากการบินไทยช่วงวันที่ 1 ต.ค. 2567-31 พ.ค. 2568 และยอดขายในร้าน 7-11 ซึ่งปีหน้ามีแผนวางสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้วันนี้แนะนำซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 11.20 บาท