ไทยประกันชีวิต 9 เดือน ปี 2567 กำไรสุทธิ 8.3 พันล้าน โต 8.67%

ไทยประกันชีวิต

ไทยประกันชีวิต 9 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 8.3 พันล้านบาท โต 8.67% ไตรมาส 3/67 มีกำไร 2.4 พันล้านบาท โต 19.64% กำไรรับประกันภัย-กำไรจากการลงทุนโตพุ่ง

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ภาพรวมผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) บริษัทมีกำไรสุทธิ 8,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.67% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) โดยมีกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 จำนวน 2,498 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.64% YOY โดยกำไรช่วง 9 เดือนแรกปีนี้โต 8.67%

เป็นผลมาจากกำไรจากการรับประกันภัยที่เติบโตขึ้น และกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ตามสภาวะตลาดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น และการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับตามการเติบโตของธุรกิจ

แม้ว่าจะมีความท้าทายที่เกิดจากสภาวะทางเศรษฐกิจ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ บริษัทก็ยังประสบความสำเร็จในการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 3/67 ผ่านแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดยทั้งเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวนวณรายปี (APE) และมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) ปรับตัวสูงขึ้น 34.84% และ 24.32% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ยอดขายดังกล่าวปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่ได้แรงหนุนจากการเปิดตัวครั้งแรกของผลิตภัณฑ์ “เลกาซี่ ฟิต เวลท์ตี้ 99/1”

Advertisment

สำหรับอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของบริษัท (CAR Ratio) มีความแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีอัตราส่วนอยู่ที่ 409.77% ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในอัตรา 140% อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิ ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีจำนวน 59,607 ล้านบาท ประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยรับรวม 60,307 ล้านบาท หักด้วยส่วนประกอบอื่น 700 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยจ่ายจากการเอาประกันกัยต่อ และการเปลี่ยนแปลงในสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้

Advertisment

โดยผลตอบแทนจากการลงทุน ในไตรมาส 3/67 และในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.52% และ 4.18% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลัก

1.การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับตามการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น

2.การลดลงของผลขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จากสถานะสุทธิของเงินลงทุนในต่างประเทศ และเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ

ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนเฉลี่ย 3.75% (ณ วันที่ 30 ก.ย.67) จากอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนเฉลี่ย 3.72% เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.66 โดยสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.67 มีสินทรัพย์ลงทุนอยู่ที่ 565,392 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนในตราสารหนี้ 454,642 ล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินลงทุนในตราสารทุนและหน่วยลงทุน 74,017 ล้านบาท