ธสน.ถกยืดอายุบริหารเสี่ยง FX “ออปชั่นช่วยชาติ” SMEs เข้าร่วมต่ำเป้า

ธสน.นัดถก “แบงก์ชาติ-สสว.-สมาคมธนาคารไทย” ต่ออายุโครงการ “ออปชั่นช่วยชาติ” เผยเอสเอ็มอีเข้าโครงการแค่ 2.8 พันราย ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 พันราย แบงก์ชาติชี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาร่วมกันความจำเป็นต่ออายุโครงการ พร้อมอนุญาต 5 รายทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศผ่านแบงก์ไม่ต้องใช้เอกสาร และ 1 รายเป็นศูนย์บริหารความเสี่ยง

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) หรือ ธสน. เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันโครงการบริหารความเสี่ยง FX (อัตราแลกเปลี่ยน) ของ SMEs หรือ “ออปชั่นช่วยชาติ” มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 2,800 ราย ต่ำกว่าเป้าหมายโครงการที่ตั้งไว้ที่ 5,000 ราย และหากเทียบกับจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งหมดกว่า 20,000 ราย ก็มีผู้มาร่วมโครงการแค่ราว 10% เท่านั้น

“เราอยากให้ผู้ประกอบการรายใหม่มาใช้โครงการนี้ แต่ก็ยังมาไม่เยอะ ตอนนี้ก็กำลังประชุม สรุป วิเคราะห์กันอยู่ว่า ทำไมผู้เข้าร่วมโครงการต่ำกว่าที่คาด โดยอยากขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ เพราะลูกค้าจะอยู่กับธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก ขณะที่โครงการจะหมดอายุในเดือน มิ.ย.นี้แล้ว ซึ่งเราก็อยู่ในช่วงนัดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสมาคมธนาคารไทย ว่าจะปรับอะไรต่อไป ก็คงได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้” นายพิศิษฐ์กล่าว

แหล่งข่าวจาก ธสน.กล่าวว่า ตอนนี้ ธสน.อยู่ระหว่างนัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินผลโครงการในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากโครงการยังมีความจำเป็นอยู่ กล่าวคือ ความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนยังมีอยู่ ก็อาจจะมีการขยายระยะเวลาออกไป รวมถึงหารือหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จะต้องมีการทบทวนหรือไม่

“ต้องยอมรับว่า ปัญหาโลกแตกก็คือ เอสเอ็มอีพอเจออะไรที่ยุ่งยาก ไม่ว่าจะขั้นตอนเรื่องเอกสาร หรือจะต้องมีเรื่องการยืนยันตัวตน (KYC) ก็ไม่ค่อยอยากทำกัน มักจะไปเสี่ยงกัน ซึ่งที่ผ่านมา โครงการก็มีการผ่อนปรนเงื่อนไขไปให้ค่อนข้างมากแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีการจัดอบรมให้แก่เอสเอ็มอี ซึ่งเอสเอ็มอีที่ผ่านการอบรม จะได้รับวงเงินค่าธรรมเนียมสำหรับทดลองซื้อ FX options ที่ให้วงเงิน 30,000 บาท/ราย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีการปรับปรุงเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการไปแล้วรอบหนึ่ง โดยลดระยะเวลาอบรม จากเดิมทั้งวันก็ลดเหลือ 3-4 ชั่วโมง พร้อมเน้นแต่เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงให้มีการบันทึกวิดีโอ เพื่อนำไปเปิดตามสาขา EXIM BANK สาขาภาคของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสาขาของธนาคารพาณิชย์ 8 แห่งที่ร่วมโครงการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เอสเอ็มอีมากขึ้น

นายพิศิษฐ์กล่าวด้วยว่า ล่าสุด ธสน.ได้พัฒนาบริการ “ประกัน CLM” ซึ่งเป็นบริการประกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในกลุ่มประเทศ CLM ให้แก่ผู้ส่งออก SMEs ไทยที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกิน 1 ล้านบาท/ครั้ง และส่งออกภายใต้เทอมการชำระเงินสูงสุดไม่เกิน 90 วัน โดยจุดเด่นของบริการประกัน CLM คือ ผู้ส่งออก SMEs ไทยสามารถเลือกรูปแบบความคุ้มครองได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่กำหนดเอง

ขณะที่ค่าเบี้ยประกันต่อกรมธรรม์เริ่มต้นเพียง 3,300 บาท ได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 90% ของมูลค่าความเสียหาย ซึ่งบริการนี้คุ้มครองกรณีผู้ซื้อล้มละลาย ผู้ซื้อปฏิเสธชำระเงินค่าสินค้า ประเทศผู้ซื้อเกิดสงคราม จลาจล ปฏิวัติ รัฐประหาร หรือห้ามโอนเงินออกนอกประเทศผู้ซื้อ ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับบริการประกัน CLM ได้ทางออนไลน์บนเว็บไซต์ www.exim.go.th ได้ตลอดเวลา ซึ่งหากลูกค้าสมัครใช้บริการภายในเดือน ส.ค.นี้ จะได้รับการลดค่าเบี้ยประกัน 50% อีกด้วย

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า โครงการบริหารความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน หรือ “ออปชั่นช่วยชาติ” ใกล้จบโครงการแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งภาคธุรกิจจะให้ความสำคัญน้อย ส่วนจะให้ต่ออายุโครงการนั้น ก็ขึ้นกับการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

สำหรับความคืบหน้าปฏิรูปการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศใหม่ หลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้ว ธปท.ได้เปิดให้บริษัทหรือกลุ่มบริษัทที่มีคุณสมบัติตามที่ ธปท.กำหนด (qualified company) สามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ได้ โดยไม่ต้องแสดงเอกสารประกอบการทำธุรกรรมหลายรายการ เช่น ใบกำกับสินค้า สัญญาเงินกู้ หลักฐานแสดงภาระอื่น ๆ ซึ่งจะเปลี่ยนรูปแบบไปสู่การทำผ่านดิจิทัลแทน ล่าสุด ธปท.เห็นชอบให้บริษัท 5 ราย เป็น qualified company และมีศูนย์บริหารเงิน (treasury center)ได้ 1 ราย ในการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศได้สะดวกขึ้น พร้อมกันนี้ ธปท.ยังเปิดให้รายใหม่ ๆ ที่สนใจเพื่อขออนุญาตเข้าโครงการนี้ได้ถึง 16 พ.ย. 61 นี้