สมาคม บลจ.กระตุ้นซื้อ TESG สิ้นปีเป้า 2 แสนราย-เงินลงทุน 3.6 หมื่นล้าน

สมาคม บลจ.กระตุ้นซื้อ TESG สิ้นปีเป้า 2 แสนราย-เงินลงทุน 3.6 หมื่นล้าน

สมาคม บลจ. จัดแคมเปญโปรโมตใหญ่กระตุ้นคนซื้อกองทุน TESG ช่วงเทศกาลภาษีท้ายปี 16 บลจ. จัดเต็มเสนอ 46 กอง หวังช่วงที่เหลือของปีประชาชนซื้อลดหย่อนเพิ่ม 2 แสนราย เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้าน หนุนสิ้นปีเงินลงทุนกว่า 3.6 หมื่นล้าน หลังปิดสิ้นเดือน ต.ค. 67 มีเงินลงทุนเข้ามาแล้ว 1.15 หมื่นล้าน ด้าน “กสิกรไทย” ออกอีก 1 กองผสม ต้นเดือน ธ.ค. ตั้งเป้ารวม 3 กอง มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิแตะหมื่นล้าน ดันมาร์เก็ตแชร์เบอร์ 1 ฟาก “บลจ.วรรณ” ท็อปฟอร์มผลตอบแทน 10% รั้งเบอร์ 1

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงการคลังสนับสนุนจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ขึ้นเมื่อปลายปี 2566 และในปี 2567 ได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้นเป็นวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 แสนบาท และลดระยะเวลาการถือลงทุนลงเหลือ 5 ปี ในฐานะผู้บริหาร บลจ. ตั้งใจและพร้อมใจที่จะแสดงถึงความมุ่งมั่น เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าการลงทุนของตนจะมีประสิทธิภาพในระยะยาว และมีส่วนช่วยผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) และบริษัทผู้ออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนให้มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero

โดยสมาคมได้นำเสนอความพร้อมในช่วงเทศกาลภาษีท้ายปี ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตลอดระยะเวลา 3 ปี เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแนวคิดของ ESG และการลงทุนอย่างยั่งยืนให้แก่คนไทย และสร้างการรับรู้และความตระหนักถึงความสำคัญของการออมและการลงทุนระยะยาว รวมถึงการกระตุ้นให้มีการลงทุนผ่านกองทุน TESG ให้ได้ตามเป้าหมายที่คาดหวัง โดยตั้งเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนผู้ซื้อหน่วยลงทุน TESG ให้ได้รวมกันกว่า 200,000 ราย ยอดเงินลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้

ทั้งนี้พร้อมนำเสนอ 42 กองทุน TESG จาก 16 บลจ. เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายของการลงทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยข้อมูลจนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2567 ทั้งจำนวนกองทุนที่นำเสนอและยอดรวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 โดยกองทุน TESG มี AUM รวมจาก 6,400 ล้านบาท เพิ่มเป็น 11,596 ล้านบาท มีจำนวนกองจาก 22 กอง เพิ่มเป็น 42 กอง และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการเปิดกองทุน TESG ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3-4 กองทุน ซึ่งจะทำให้ทั้งปีมีกองทุน TESG รวมกว่า 45-46 กองทุน

“เราตั้งเป้าเม็ดเงินลงทุนที่จะไหลเข้ากองทุน TESG ช่วงที่เหลือของปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากรวมทั้งปีนี้ก็น่าจะมีเม็ดเงินลงทุนราว 3.6 หมื่นล้านบาท โดยมองว่าในเดือน ธ.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีแรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเข้ามามากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้” นางชวินดากล่าว

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า กองทุน TESG ของบริษัท 1 กอง ที่เน้นลงทุนหุ้นไทย สร้างผลตอบแทนที่ดี โดดเด่นมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ +10% เป็นอันดับ 1 และประเมิน SET Index ปี 2567 จะขึ้นไปอยู่ที่ 1,470 จุด และคาดการณ์เป้าหมายปี 2568 จะอยู่ที่ 1,650-1,700 จุด โดยมองว่า Valuation หุ้นไทยยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี มีมูลค่าทางบัญชี (Book Value) เพียง 1% หากมองระยะยาวเชื่อว่า Valuation ไม่แย่มาก

ADVERTISMENT

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทได้ออกกองทุน TESG ทั้งหมด 2 กอง มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) อยู่ประมาณ 3 พันล้านบาท มีมาร์เก็ตแชร์ราว 24% และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 1 กอง ซึ่งเป็นกองผสม (หุ้นไทย+ตราสารหนี้ไทย) ในต้นเดือน ธ.ค. 2567 โดยตั้งเป้าว่าทั้ง 3 กองทุน จะหนุนให้กอง TESG ของบริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ หนุนมาร์เก็ตแชร์สูงที่สุด