ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนเทขายทำกำไร

US dollar
(file photo) REUTERS/Mohamed Azakir

ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนเทขายทำกำไร จับตาตัวเลขเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 34.59/60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/11) ที่ระดับ 34.81/82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตามการอ่อนค่าของดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดอลลาร์แข็งค่าติดต่อกันเป็นเวลานานหลายวัน

นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาทิศทางของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ขณะที่วานนี้ (18/11) สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3 จุด สู่ระดับ 46 ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 42

โดยดัชนียอดขายในปัจจุบัน และดัชนีแนวโน้มยอดขายระยะ 6 เดือนต่างปรับตัวขึ้นในเดือน พ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และความหวังที่ว่ารัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ทำการผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาด

ด้านปัจจัยภายในประเทศ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ระบุวานนี้ (18/1) ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2567 ขยายตัว 3.0% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.6% โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเติบโตได้ดี มาจากการลงทุนที่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวเกือบ 26% ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส

นอกจากนี้การผลิตในภาคต่าง ๆ ยังเติบโตได้ รวมทั้งภาคการส่งออกที่เติบโตได้ดีมากในช่วงที่ผ่านมา พร้อมคาดว่า GDP ไตรมาส 4 จะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องเช่นกัน พร้อมประเมิน GDP ไทยปีนี้ จะขยายตัวได้ 2.6% จากเดิมที่คาดไว้ 2.5% นอกจากนี้ สภาพัฒน์คาดว่า GDP ไทยปี 2568 จะขยายตัวได้ราว 3.0% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2567

ADVERTISMENT

โดยมองว่า รัฐบาลต้องเร่งผลักดันการส่งออกให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้า และขับเคลื่อนการลงทุน โดยเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย และมองว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงต้องทำให้ตรงจุดมากขึ้น

ทั้งนี้ในระหว่างวันบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 34.57-34.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.60/61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ADVERTISMENT

ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (19/11) ที่ระดับ 1.0591/94 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/11) ที่ระดบ 1.0560/61 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร จากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี นายโยอาคิม นาเกิล ประธานธนาคารกลางเยอรมนี (Bundesbank) และผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า นโยบายการเก็บภาษีนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจกระทบการค้าระหว่างประเทศ แต่ผลกระทบต่อเงินเฟ้ออาจมีเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ยังเสริมว่า หากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์นำไปสู่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่มากขึ้น ECB และธนาคารกลางอื่น จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0523-1.0539 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0539/40 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (19/11) ที่ระดับ 154.21/23 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/11) ที่ระดับ 154.84/88 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ จากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง วานนี้ (18/11) นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมร่วมกับกลุ่มผู้นำธุรกิจในเมืองนาโกย่าของญี่ปุ่น โดยระบุว่า BOJ จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับปัจจุบันที่ 0.25% หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ BOJ

โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อในระดับที่ยั่งยืน โดยได้แรงหนุนจากค่าจ้างที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกนั้นกำลังปรากฏให้เห็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมทั้งระบุเพิ่มเติมว่า BOJ จะพิจารณาถึงความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงจากสถานการณ์ในต่างประเทศและในตลาด โดยการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของ BOJ จะมีขึ้นในวันที่ 19 ธ.ค.

ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์กว่าครึ่งหนึ่งในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือน ม.ค. ปี 2568 ในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 153.28-154.69 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 153.70/74 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ได้แก่ รายงานจำนวนใบอนุญาตก่อสร้างเดือน ต.ค., จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างเดือน ต.ค., จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างเดือน ต.ค. และแบบจำลอง GDPNow ของธนาคารกลางแอตแลนา (ไตรมาส 4/2567) รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ต.ค.ของยูโรโซน

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.7/-7.4 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความสี่ยงภาคเช้า เดือนต่าประเทศอู่ที่ -5.1/-4.2 สตางค/ดอลลาร์สหรัฐ