
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS วิเคราะห์ธุรกิจเครื่องปรุงรส ปี’67-68 คาดแนวโน้มรายได้โต 10.8% และ 8.1% แรงหนุนการขยายตัวธุรกิจร้านอาหาร-โรงแรม อานิสงส์จำนวนนักท่องเที่ยวไทยขยายตัวต่อเนื่อง-การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งอาหารเป็น 1 ใน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลใช้ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power
นางสาวอังคณา สิทธิการ นักวิเคราะห์ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยถึง “แนวโน้มธุรกิจเครื่องปรุงรส” ว่า ในช่วงปี 2567-2568 รายได้ของธุรกิจผลิตเครื่องปรุงรสมีแนวโน้มขยายตัว 10.8% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) และ 8.1% YOY ตามลำดับ แบ่งเป็น 1.มูลค่าการจำหน่ายในประเทศ (สัดส่วนราว 57% ของรายได้ทั้งหมด) ในช่วงปี 2567-2568 คาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัว 7.5% YOY และ 9.0% YOY ตามลำดับ จากความต้องการบริโภคเครื่องปรุงรสในประเทศที่เพิ่มขึ้น
โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมที่ได้รับอานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งอาหารยังเป็น 1 ใน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลจะใช้ในการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power
และ 2.มูลค่าการส่งออก (43%) ในช่วงปี 2567-2568 คาดจะขยายตัว 15.0% YOY และ 7.0% YOY (รูปเงินบาท) ตามลำดับ ตามการขยายตัวของรายได้ธุรกิจร้านอาหารของประเทศคู่ค้าหลัก ทั้งอาเซียน EU สหรัฐ และญี่ปุ่น นอกจากนี้ ในปี 2567 ยังได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากความกังวลด้านความมั่นคงทางอาหารที่ทำให้ประเทศคู่ค้าหันมาสต๊อกเครื่องปรุงรสจากไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผลดีจากนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกที่จะส่งผลให้เครื่องปรุงรสของไทยเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ ธุรกิจผลิตเครื่องปรุงรสของไทยยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญ ๆ ได้แก่ 1.ต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ในระดับสูง โดยราคาสินค้าเกษตรที่เป็นวัตถุดิบหลักได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2567 จากสภาวะอากาศโลกที่แปรปรวน ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนจัดหาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ส่วนในปี 2568 สภาวะอากาศที่คาดว่าจะดีขึ้นจะทำให้ราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มลดลง 2.ต้นทุนค่าขนส่งที่ยืนสูง โดยต้นทุนค่าระวางเรือในปี 2567-2568 ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับปี 2566 จากความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก กระทบต่อการส่งออก
3.ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงปี 2567-2568 ทำให้การแข่งขันด้านราคามีแรงกดดันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ต้นทุนวัตถุดิบจะเพิ่ม แต่ผู้ผลิตยังสามารถปรับราคาขายได้ รวมทั้งมีการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ทำให้กำไรของธุรกิจยังมีแนวโน้มเติบโตดี
ในด้าน ESG ผู้ประกอบการผลิตเครื่องปรุงรสทั้งต่างชาติและไทย ตั้งเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระยะ 15-30 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันมีการปรับปรุงการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยของเสีย และมีการนำของเสียที่ได้จากกระบวนการผลิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงได้มีการพัฒนาเครื่องปรุงรสที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่องปรุงรสออร์แกนิก หรือเครื่องปรุงรสมังสวิรัติ