
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า ต้นปีหน้า กระทรวงการคลังเตรียมเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนอีกครั้ง ซึ่งจะดำเนินการไม่เกินภายในเดือน มี.ค. 2568 เนื่องจากมีกฎ ระเบียบที่ล็อกเอาไว้
ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม และแถลงภายหลังการประชุมว่า การลงทะเบียนรอบใหม่ คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนกว่า 25 ล้านราย จาก 1.กลุ่มผู้ที่ผ่านเกณฑ์เดิม ประมาณ 14.5 ล้านราย และ 2.กลุ่มใหม่อีกราว 10 ล้านราย
โดย “กลุ่มเดิม” ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ รัฐบาลจะนำรายชื่อไปคัดกรองสิทธิอัตโนมัติ อย่างไรก็ดี ในจำนวน 14.5 ล้านราย ยังมีประชาชนที่ได้รับสิทธิ แต่ไม่ได้ไปยืนยันตัวตน ทำให้ที่ผ่านมาไม่ได้รับสวัสดิการกว่า 1 ล้านคน ส่วนหนึ่งพบว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 แสนราย ที่เหลืออีก 7 แสนราย ต้องไปตรวจสอบสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ Welfare.mof.go.th จากนั้นให้เร่งดำเนินการยืนยันตัวตนผ่านธนาคารกรุงไทย ภายในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เพื่อรับสิทธิสวัสดิการที่เหลือ แต่จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง
ส่วนกลุ่มใหม่ หรือผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน จะต้องมีการลงทะเบียน ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนหนึ่ง ก็คือ ผู้ที่เพิ่งอายุครบ 18 ปี ในช่วงหลังจากลงทะเบียนครั้งก่อน รวมถึงกลุ่มที่เคยลงทะเบียน แต่ไม่ได้รับสิทธิ และกลุ่มอื่น ๆ
รมช.คลัง ยังได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตรวจสอบทบทวนหลักเกณฑ์ ทั้งเก่าและใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมกับการดำเนินงาน ป้องกันไม่ให้คนจนไม่จริงเข้ามาสวมสิทธิ ส่วนในด้านเกณฑ์รายได้ครัวเรือนยังมีอยู่เหมือนเดิม ขณะที่เกณฑ์เรื่องการถือครองที่ดิน จะทำให้สามารถตรวจสอบได้จริง รวมถึงจะดูรายละเอียดในเรื่องสินทรัพย์ การถือครองสลาก และพันธบัตรด้วย
นอกจากนี้ ยังจะมีการทบทวนสิทธิและสวัสดิการของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เหมาะสม เช่น วงเงินการซื้อของจากร้านธงฟ้า ค่าก๊าซ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ใช้สิทธิเพียง 40% และยังรวมถึงค่าเดินทาง เนื่องจากในบางหลักเกณฑ์ประชาชนไม่ได้เข้าไปใช้สิทธิตามที่รัฐบาลวางไว้ จึงทำให้งบประมาณบางส่วนถูกใช้ไปโดยไม่จำเป็น จึงต้องศึกษาใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีข้อมูลที่ทางกระทรวงการคลังเคยรายงานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็คือ คาดการณ์ว่า น่าจะมีผู้ลงทะเบียน (แก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตร) ราว 10 ล้านราย ซึ่งประมาณการจากกลุ่มกรอกข้อมูลลงทะเบียนโครงการ ปี 2565 ไม่ครบถ้วน 1.3 ล้านราย กลุ่มผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านตรวจสอบคุณสมบัติราว 5.1 ล้านราย
และกลุ่มผู้ที่ตกหล่น/ต้องการลงทะเบียนเพิ่มอีกราว 2 ล้านราย รวมถึงกลุ่มผู้ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลจากกรมการปกครองราว 1.4 ล้านราย