ก.ล.ต. เปิดทางลงทุน Leveraged และ Inverse ETFs เริ่มไตรมาส 1/68

ก.ล.ต.

ก.ล.ต. เปิดเอกสารเฮียริ่ง เปิดทางให้ลงทุน Leveraged และ Inverse ETFs คาดเริ่มไตรมาส 1 ปี 2568 หวังเพิ่มทางเลือกลงทุน ปรับกลยุทธ์ได้หลากหลายมากขึ้น พร้อมส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยโตเทียบเท่ากับตลาดทุนในต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า ก.ล.ต.ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็น เรื่องหลักการและร่างประกาศเกี่ยวกับ Leveraged และ Inverse ETFs หรือ L&I ETFs ซึ่งคาดว่าจะให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2568

โดยที่มา เหตุผล และความจำเป็น ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ระบุว่า กองทุนรวมอีทีเอฟ (exchange traded fund: ETF) เป็นผลิตภัณฑ์ลงทุนที่สามารถตอบสนองความต้องการลงทุนของผู้ลงทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยผู้ลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้เช่นเดียวกับการลงทุนในกองทุนรวมที่อ้างอิงกับดัชนีหรือนโยบายที่กำหนด แต่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า และสามารถซื้อขายแบบเรียลไทม์ได้ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

จึงทำให้ผู้ลงทุนสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนได้รวดเร็วตามสภาวะตลาด ในขณะที่ยังได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนแบบเดียวกับดัชนีต้นแบบ ETF จึงได้รับความนิยม มีการเติบโตสูง ในตลาดต่างประเทศ และมีความหลากหลายทั้งในเรื่อง

  • สินทรัพย์ที่ลงทุน ที่มีทั้งหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ สินทรัพย์ดิจิทัล
  • ดัชนีอ้างอิงที่กระจายตาม sector ภูมิภาค ปัจจัยด้าน ESG หรือนโยบาย (thematic) อื่น ๆ
  • นโยบายการลงทุนที่มีทั้ง passive ตามดัชนี active ตามปัจจัยที่กำหนด เช่น factor based and smart beta ETF เป็นต้น
  • ทิศทางการลงทุน ซึ่งนอกเหนือจากการตามดัชนีปกติ (1X) แล้ว ยังมี ETF ที่มุ่งหวัง ผลตอบแทนตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง (inverse ETF เช่น -1X -2X เท่า) และที่มุ่งหวัง ผลตอบแทนแบบทวีคูณ (leverage ETF เช่น 2X 3X เท่า) (leverage and inverse ETF)

สำนักงาน ก.ล.ต. จึงสนับสนุนการพัฒนา ETF เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนของผู้ลงทุน ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากปัจจุบันที่มีเพียง passive ETF จำนวน 12 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินรวม (AUM) 18,296.86 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.43 ของ AUM ของกองทุนรวมทั้งหมด และจึงมีนโยบายปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้สามารถรองรับการออก ETF ที่หลากหลายขึ้น เทียบเคียงได้กับตลาดต่างประเทศ

โดยในปี 2566 ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การออก ETF ให้สามารถรองรับสินทรัพย์ทุกประเภทที่กองทุนรวมสามารถลงทุนได้ เพิ่มความยืดหยุ่นของดัชนีอ้างอิงและครอบคลุมกลยุทธ์การลงทุนได้ทั้งแบบ passive และ active รวมทั้งมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การเปิดเผยข้อมูลสอดคล้องกับมาตรฐานสากลตาม Good Practices Relating to the Implementation of the IOSCO Principles for Exchange Traded Funds, 2023

ADVERTISMENT

เพื่อให้ ETF สามารถรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนที่หลากหลายขึ้นในภาวะตลาดต่าง ๆ ซึ่งในต่างประเทศ มี ETF ที่มีกลยุทธ์ leveraged และ inverse (L&I ETFs) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าการลงทุนในทรัพย์สินทั่วโลกประมาณ 132.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนกรกฎาคม 2566

สำนักงาน ก.ล.ต. จึงเห็นควรเปิดให้มีการออก L&I ETFs ได้ เช่นเดียวกับในประเทศส่วนมาก เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป มาเลเซีย เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สิงคโปร์ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ญี่ปุ่น เป็นต้น

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดี L&I ETFs มีความเสี่ยงและความซับซ้อนแตกต่างจาก ETF ที่ลงทุนตามดัชนีอ้างอิงปกติ โดยมักมีการใช้ตราสารอนุพันธ์ในการจัดการลงทุน เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนของ L&I ETFs ในแต่ละวัน ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด (เช่น 2X -1X -2X) จึงทำให้ผลตอบแทนที่คำนวณจากการถือ L&I ETFs ต่อเนื่องหลายวัน แตกต่างจากการคำนวณการเปลี่ยนแปลงของดัชนีปกติด้วยผลของการคำนวณผลตอบแทนทบต้นรายวันดังกล่าว (compound effect)

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเพิ่มเติม เพื่อจำกัดระดับการ leverage และ inverse ในช่วงต้น และดูแลให้บริษัทจัดการลงทุนที่ออก ETF และบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดให้ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขาย L&I ETFs มีการเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งดูแลให้ผู้ลงทุนมีความเข้าใจผลิตภัณฑ์ และรับความเสี่ยงได้ตาม มาตราฐานการปฏิบัติงานที่กำหนดด้วย โดยหลักการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567

สำนักงาน ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นหลักการและร่างประกาศรองรับการออก และ การปฏิบัติงานเกี่ยวกับ L&I ETFs จำนวน 7 ฉบับ เพื่อรวบรวมและนำข้อคิดเห็นต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณา ปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้เหมาะสมต่อไป

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า Leveraged ETFs จะให้ผลตอบแทนเป็นทวีคูณของดัชนีอ้างอิง เช่น ดัชนีอ้างอิงขึ้น 2% กองทุน Leveraged ETF อาจขึ้น 4% ส่วน Inverse ETFs ให้ผลตอบแทนตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิง เช่น หากดัชนีอ้างอิงลง 2% กองทุน Inverse ETF อาจขึ้น 2%

โดยเหตุผลที่ ก.ล.ต. เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้เข้าถึง L&I ETFs เพราะ 1.เพิ่มทางเลือกในการลงทุน ปรับกลยุทธ์ได้หลากหลายมากขึ้น 2. ส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเติบโตเทียบเท่ากับตลาดทุนในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. มีมาตรการดูแลคือ 1.จำกัดอัตราทวีคูณของ L&I ETFs ไว้ไม่เกิน 2 เท่า และอัตราทวีคูณต้องเป็นจำนวนเต็ม ไม่เป็นทศนิยม เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ลงทุนไทยยังไม่คุ้นเคย 2.เปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจถึงลักษณะและความเสี่ยงของกองทุน 3.กำหนดให้ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น เพื่อเพิ่มความโปร่งใส 4.บริษัทหลักทรัพย์ต้องให้ความรู้แก่นักลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่านักลงทุนเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน