เปิดรายได้ “แทน ฐณะวัฒน์” นักธุรกิจชื่อดัง หลังถูกจับคดีฉ้อโกง

เปิดรายได้ธุรกิจในมือ “แทน ฐณะวัฒน์ จิรรัชเศรษฐ” นักธุรกิจชื่อดังในแวดวงบันเทิง ก่อนถูกจับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานที่ผ่านมา ข้อหาฉ้อโกง คาดมูลค่าความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มติชน รายงานข่าว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ จับกุมตัว “นายฐณะวัฒน์ จิรรัชเศรษฐ หรือแทน” อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.406/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในการขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรู นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความในท้องที่ สน.ลุมพินี เป็นคดีเกี่ยวกับคดีเช็คเด้ง มูลค่าความเสียหาย 70 ล้าน กระทั่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในความผิดฐานฉ้อโกง

ประชาชาติธุรกิจ รวบรวมที่มาในการทำธุรกิจ บริษัทและผลประกอบการในแต่ละปีของแทน ไว้ดังนี้

แทนเป็นนักธุรกิจชื่อดังที่รู้จักกันในแวดวงบันเทิง เนื่องจากเคยมีการไปออกงานอีเวนต์ รายการทีวีมากมาย และให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เริ่มต้นสายอาชีพด้วยการเป็นพนักงานออฟฟิศ แม้ว่าจะมีความฝันอยากจะเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองนิวยอร์ก เพื่อให้ได้ทำงานสายบัญชีของบริษัท BIG 4 แต่โชคชะตาก็พลิกผันให้มาทำธุรกิจแบรนด์เนมด้วยความชอบตั้งแต่เด็ก

พอถึงจุดหนึ่งแทนก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจแบบเต็มตัว เกิดเป็นบริษัททีเจ อินเตอร์กรุ๊ป (1988) ธุรกิจให้บริการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินค้าแบรนด์เนม ที่มีบริษัทและกิจการในเครือ ได้แก่ Jira Bangkok แบรนด์กระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู, Orange Addict ที่ให้บริการกระเป๋ามือสอง, โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ และสินค้าแต่งบ้าน, ห้องรับรองลูกค้าวีไอพี, บริการทำเล็บ (Celeb Nails Spa) และคาเฟ่ (Celeb Cake) ภายใต้ตึก JT Intergroup ย่านชิดลม

โดยแทนเล่าผ่านช่องยูทูบช่อง Orangeaddict_official ในชื่อวิดีโอว่า ตามติดชีวิต CEO กับตึกใหม่ของ Orange Addict ภายใต้ TJ Intergroup 1988 ถึง Key Success ในการทำธุรกิจว่า

“ในการทำธุรกิจของผม จะมี Key Success ทั้งหมดสี่ข้อ หนึ่ง คือ Responsibility ความรับผิดชอบทั้งเวลา ลูกค้า และงาน สองคือ Trust ทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ของเรา สามคือ Careness การเอาใจใส่ลูกค้า ภายใต้แนวคิดการดูแลลูกค้าทุกคนให้ดีที่สุด และสุดท้าย Goal จุดมุ่งหมายของผมคือ การเอา TJ InterGroup 1988 ไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯให้สำเร็จครับ”

นอกจากนี้แทนยังมีธุรกิจในมืออีก 2 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าบริษัทรวมกว่า 35,606,101 บาท โดยมีรายละเอียดการถือหุ้น มูลค่าหุ้นและมูลค่าบริษัท รวมถึงรายได้-กำไรของแต่ละปี ดังนี้

ทีเจ อินเตอร์กรุ๊ป (1988) จำกัด

ประเภทธุรกิจ : ให้บริการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินค้าแบรนด์เนม
มูลค่าบริษัท : 25,140,657 บาท
สัดส่วนหุ้นเป็นอันดับ 1 จำนวน 238,800 หุ้น
มูลค่าหุ้น  25,014,953 บาท
รายได้ปี 2562 3,111,037 บาท กำไร 224,265 บาท
รายได้ปี 2563 4,701,908 บาท กำไร 85,247 บาท
รายได้ปี 2564 10,483,489 บาท กำไร 7,602 บาท
รายได้ปี 2565 25,345,474 บาท กำไร 198,363 บาท
รายได้ปี 2566 26,968,973 บาท กำไร 380,230 บาท

จิรบางกอก 1988 จำกัด

ประเภทธุรกิจ : ร้านจำหน่ายเครื่องหนัง
มูลค่าบริษัท : 5,647,117 บาท
สัดส่วนหุ้นเป็นอันดับ 1 จำนวน 40,000 หุ้น
มูลค่าหุ้น 4,517,694 บาท
รายได้ปี 2566 6,487,064 บาท กำไร 647,117 บาท

ทีเจ แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

ประเภทธุรกิจ : โรงแรม รีสอร์ตและห้องชุด
มูลค่าบริษัท : 4,336,494 บาท
สัดส่วนหุ้นเป็นอันดับ 1 จำนวน 45,000 หุ้น
มูลค่าหุ้น 4,818,327 บาท
รายได้ปี 2565 733 บาท กำไร -27,901 บาท
รายได้ปี 2566 670-27,901 บาท กำไร -153,772 บาท