
ข่าวใหญ่ในตลาดทุนไม่เคยจบสิ้น ล่าสุด เป็นเคสของ “หมอบุญ” หรือ “นายแพทย์บุญ วนาสิน” อดีตประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG รวมถึงเป็นอดีตผู้ก่อตั้งบริษัท ที่มีชื่อเสียงในตลาดหุ้นไทยมานาน เพราะมักจะเป็น “เจ้าโปรเจ็กต์” ใหญ่ ๆ อยู่เสมอ
ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจนครบาลได้แถลงข่าวกรณีศาลอนุมัติหมายจับ “หมอบุญ” วัย 86 ปี กับพวกรวม 9 คน ในคดีฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน รวมถึงคดีเกี่ยวกับเช็ค ความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท
โดยตำรวจนครบาล ระบุที่มาของคดีว่า มาจากการอ้างชักชวนให้ลงทุนใน 5 โครงการ ได้แก่
1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบฯลงทุน 4,000 ล้านบาท ซึ่งอ้างว่าจะทันสมัยที่สุดในเอเชีย 2.โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบฯลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท
3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง
4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม งบฯลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
และ 5.โครงการก่อสร้าง Medical Intelligence งบประมาณราว 100 ล้านบาท โดยอ้างว่า หากมีการร่วมลงทุน ในปี 2566 จะได้กำไร 700 ล้านบาท และในปี 2567 จะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท
ซึ่งการกล่าวอ้างดังกล่าว ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ และมีการทำสัญญากู้ยืมเงิน ให้ดอกเบี้ย และมีการจ่ายเช็คให้ผู้เสียหาย เพื่อชำระเบี้ยเงินกู้ รวมทั้งจ่ายเช็คเป็นค่าดอกเบี้ย โดย “หมอบุญ” เป็นผู้ลงชื่อ รวมถึงมีชื่อภรรยาและลูก เป็นผู้ค้ำประกัน
ทางตำรวจระบุว่า ช่วงแรกมีการชำระดอกเบี้ยให้บางส่วน บางราย แต่ต่อมาไม่จ่ายเลย รวมถึงเงินต้นก็ไม่คืน เช็คก็เด้ง เพราะนำไปขึ้นเงินแล้ว ธนาคารปฏิเสธจ่ายเงิน ซึ่งตรวจสอบแล้วโครงการทั้งหมดไม่มีอยู่จริง และจากการสืบสวนพบว่า “หมอบุญ” เป็นตัวการในการคิดโครงการ คิดเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน ร่างสัญญา ลงมือจ่ายเช็ค และได้รับประโยชน์ไป ส่วนภรรยากับลูก เข้าข่ายเป็นผู้ร่วมค้ำประกัน และยังมีเลขานุการ 2 คน ลงนามเป็นพยาน
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มโบรกเกอร์ ที่เป็นผู้ร่วมนำเสนอชักชวนการลงทุนที่เข้าข่ายมีความผิดด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2567 “หมอบุญ” ได้เดินทางไปฮ่องกง และต่อมาเห็นได้ว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายหลบหนี
ล่าสุด นางสาวจารุวรรณ วนาสิน ภรรยา และ นางสาวนลิน วนาสิน บุตรสาวของ “หมอบุญ” ถูกจับ และศาลยังไม่ให้ประกันตัว โดยนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ขณะที่ตัว “หมอบุญ” ที่อยู่ต่างประเทศนั้น ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ประสานตำรวจสากลไล่ล่าแล้ว
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด แต่ข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า “หมอบุญ” ได้กระทำในนามส่วนตัว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ THG จึงอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งยังไม่เข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ)
อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.ยืนยันว่า จะติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยหากพบการกระทำที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก็จะเร่งดำเนินการและประสานงานกับพนักงานสอบสวนต่อไป
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่า โบรกเกอร์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องอาจจะเข้าข่ายกระทำผิดด้วยว่า ก.ล.ต.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อนำมาพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
“หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายภายใต้การกำกับดูแล ก.ล.ต. จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อไป หรือในกรณีพบว่ามีการกระทำเข้าข่ายกระทำผิดภายใต้กฎหมายอื่น ก.ล.ต.จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป” โฆษก ก.ล.ต.กล่าว