กรุงเทพประกันภัย หั่นเป้าเบี้ยสิ้นปี 3.2 หมื่นล้าน โต 7% ยอดขายรถดิ่ง-เคลมรถยนต์พุ่ง 3%

กรุงเทพประกันภัย

กรุงเทพประกันภัย หั่นเป้าเบี้ยรับรวมสิ้นปีนี้เหลือ 3.2 หมื่นล้านบาท โต 7% ตามภาวะตลาดประกันวินาศภัยเปราะบาง 9 เดือนแรกปีนี้อุตสาหกรรมติดลบ 0.5% ตลาดประกันรถยนต์ไม่โต ตามยอดขายรถยนต์ใหม่หดตัวแรง ไตรมาส 4/67 แข่งขันแย่งชิงปลาในบ่อเดิม ด้านเคลมประกันรถยนต์ของบริษัทสิ้น ก.ย. พุ่งขึ้น 3% ดันลอสเรโชแตะ 59% ต.ค.67 บันทึกบัญชีผลกระทบจากความเสียหายภัยธรรมชาติ 460 ล้านบาท

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดประมาณการเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมในปี 2567 ลงมาอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท เหลือเติบโต 7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY)

จากเดิมที่คาดว่าจะมีเบี้ยรับรวม 32,400 ล้านบาท เติบโต 8% สาเหตุจากสถานการณ์ของตลาดประกันวินาศภัยไทยที่มีความเปราะบาง ซึ่งบีบคั้นการเติบโตอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเน้นการเติบโตอย่างมีดุลยภาพระหว่างผลประกอบการด้วย

โดยภาพรวมอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในประเทศไทยในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก ตัวเลข 9 เดือนแรกทั้งตลาดมีเบี้ยรับรวม ติดลบ 0.5% YOY สาเหตุเพราะ 1. พอร์ตใหญ่อย่างประกันภัยรถยนต์ (Motor) ไม่โต ซึ่งเป็นไปตามยอดขายรถยนต์ใหม่ในตลาดปีนี้ที่หดตัวแรง โดยช่วงที่ผ่านมาจะเห็นการปรับลดประมาณการยอดขายรถยนต์ใหม่ในปีนี้ลงต่อนื่องมาตั้งแต่ต้นปี จากเป้า 8-9 แสนคัน ลดลงเหลือ 7.5 แสนคัน และตอนนี้ปรับใหม่จนถึงสิ้นปีน่าจะเหลือแค่ 5.5 แสนคัน

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน

ทั้งนี้ประเมินตลาดประกันภัยรถยนต์ในช่วงไตรมาส 4/2567 จะเป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงปลาในบ่อเดิม เพราะยอดขายรถยนต์ใหม่ไม่ค่อยมี ขณะเดียวกันยอดขายรถยนต์ใหม่ที่อาจมีการทำโปรโมชั่นมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือน ก่อนปิดปี จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ Risk appetite ของบริษัทกรุงเทพประกันภัย

ADVERTISMENT

ไม่ได้บอกว่าจะไม่รับประกันรถอีวี แต่ด้วยราคาเบี้ยประกันที่สะท้อนความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อเทียบราคาคู่แข่งจะสูงกว่าหลายบริษัท ทำให้พอร์ตประกันรถอีวีของบริษัทอาจจะไม่โตมาก แต่รถสันดาปยังมั่นใจว่าลูกค้าจะให้ความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพและบริการ เพราะฉะนั้นการโยกพอร์ตจะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง“

2.ปีนี้ประกันภัยทรัพย์สินไม่มีเบี้ยจากงานเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐเข้ามาในระบบจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า และ 3. โครงการประกันภัยข้าวนาปี แม้จะได้รับอนุมัติงบประมาณจากภาครัฐแล้ว แต่จากขนาดของพื้นที่นาข้าวในการรับประกันภัยหายไปครึ่งหนึ่ง จากประมาณการว่าจะมีเบี้ยประกันภัยข้าวนาปี 2,300 ล้านบาท ปัจจุบันน่าจะลดเหลือ 1,200-1,300 ล้านบาท

ADVERTISMENT

และตอนนี้เบี้ยประกันภัยข้าวนาปียังไม่โอนเข้าสู่บริษัทประกันภัย โดยบริษัทกรุงเทพประกันภัยเป็นหนึ่งในผู้รับประกันโครงการนี้ด้วยสัดส่วน 13% แต่อย่างไรก็ดีคาดหวังว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้เบี้ยน่าจะทยอยเข้าในแต่ละบริษัทประกันวินาศภัย

สำหรับภาพรวมในช่วง 9 เดือนแรกของบริษัทกรุงเทพประกันภัย มีเบี้ยรับรวม 23,122 ล้านบาท เติบโต 5.2% YOY ถือว่ายังเป็นการโตที่พลาดเป้าไปเล็กน้อย เดิมคาดว่าจะโต 6.5-7% แต่อย่างไรก็ดีหากเทียบกับตลาดที่ติดลบ 0.5% ถือว่ามีทิศทางการโตที่ค่อนข้างเสถียร

ขณะเดียวกันตลาดประกันภัยรถยนต์ที่ไม่โต แต่พอร์ประกันรถยนต์ของบริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อยู่ที่ 9.9% ส่งผลให้สัดส่วนพอร์ตเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของบริษัท ขยับขึ้นมาเป็น 44-45% จากเดิม 41-42% ของเบี้ยรับรวม หรือคิดเป็นเบี้ยประมาณ 13,000 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้พอร์ตประกันภัยรถยนต์จะโต 10%

แต่ทั้งนี้จากกิจกรรมทางสังคมที่กลับมาเป็นปกติแล้วจากช่วงสถานการณ์โควิด ส่งผลให้อุบัติเหตุสูงขึ้น กดดันอัตราความเสียหาย (Loss Ratio) ของประกันภัยรถยนต์ขยับขึ้นไปด้วย โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ทำให้บริษัทมีลอสเรโชประกันภัยรถยนต์ขยับมาอยู่ที่ 59% จากเดิมอยู่ที่ 56%

และในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เจอผลกระทบภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ โดยบริษัทได้รับความเสียหายจากการรับประกัน 730 ล้านบาท มาจากความเสียหายจากการรับประกันภัยทรัพย์สิน อาทิ บ้าน, โรงแรม, รีสอร์ต, โรงงานขนาดย่อม รวมประมาณ 609 ล้านบาท และความเสียหายจากการรับประกันภัยรถยนต์ 123 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามบริษัทมีการประกันภัยต่อที่รองรับอยู่ระดับหนึ่งที่สามารถเรียกร้องจากบริษัทประกันภัยต่อได้ ทำให้ความเสียหายที่จะกระทบต่อบริษัทมีอยู่ประมาณ 460 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลกระทบต่อต้นทุนในการดำเนินการของบริษัทในไตรมาส 4/2567 โดยบริษัทได้บันทึกความเสียหายส่วนนี้เข้าไปในงบบัญชีแล้วเมื่อช่วงเดือน ต.ค.2567 ที่ผ่านมา

“ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 1,361 ล้านบาท ลดลง 15.9% YOY เป็นผลจากประกันรถยนต์มีลอสเรโชที่เพิ่มขึ้นจากอุบัติเหตุที่สูงขึ้น ภัยธรรมชาติและความเสียหายของทรัพย์สิน ซึ่งเป็นทุกบริษัทที่กำไรจากการรับประกันภัยปรับตัวลดลง ขณะที่บริษัทมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% YOY หนุนให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,666 ล้านบาท ลดลง 3.4% YOY ซึ่งปีนี้บริษัทมีการเสียภาษีสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะปี 2566 บริษัทมีผลขาดทุนจากโควิดทำให้ได้รับเครดิตภาษีจากการขาดทุนคืนกลับมาในระบบบัญชี โดยส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,290 ล้านบาท ลดลง 10%” ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว