CPLAND ขายหุ้นกู้เสี่ยงสูง 800 ล้าน จ่ายดอกเบี้ย 5.25% นำเงินรีแบรนด์โรงแรม

CPLAND

“ซี.พี. แลนด์” ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นกู้เสี่ยงสูง อายุ 2 ปี วงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 5.25% ต่อปี ทุก 3 เดือน เปิดจองซื้อแก่ “สถาบัน-รายใหญ่” ช่วงวันที่ 17-19 ธ.ค. 67 เล็งใช้เงินในการรีแบรนด์โรงแรม 700 ล้านบาท ปรับปรุงอาคารพาณิชย์-โครงการคอนโดฯเพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม 100 ล้านบาท

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) รายงานว่า บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPLAND ได้ยื่นร่างแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้เสี่ยงสูง ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน อายุ 2 ปี มูลค่าไม่เกิน 800 ล้านบาท จ่ายอัตราดอกเบี้ย 5.25% ต่อปี โดยจะจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน

ทั้งนี้ จะเปิดให้จองซื้อแก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2567 จองซื้อหุ้นกู้ขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

สำหรับ CPLAND เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกอบธุรกิจการให้เช่าและบริการสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคาร ขายอสังหาริมทรัพย์ และกิจการโรงแรม ไม่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย โดยองค์กรไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และหุ้นกู้ก็ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

สำหรับวัตถุประสงค์ CPLAND จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้คือ 1.ใช้ในการ Rebrand โรงแรม 700 ล้านบาท 2.ใช้ในการปรับปรุงอาคารพาณิชย์และโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ความเสี่ยงของผู้ออกหุ้นกู้คือ 1.ความเสี่ยงในการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมหรัพย์เพื่อขายคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีจำนวนยูนิตคงเหลือรอขายของโครงการเก่าที่เริ่มขายก่อนปี 2566 ประมาณ 1,017 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,716.35 ล้านบาท

ADVERTISMENT

ดังนั้น จากโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่มีมูลค่าคงเหลือค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นโครงการที่มีการเริ่มขายมาเป็นระยะเวลาหลายปี บริษัทจึงมีความเสี่ยงในการระบายยูนิตของโครงการเดิมเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถทยอยขาย โอนกรรมสิทธิ์และปิดการขายบางโครงการเก่าได้ในช่วงปี 2566

2.ความเสี่ยงด้านความสามารถในการช่าระหนี้และกำไรสุทธิที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 1,873.47 ล้านบาท และเป็นหนี้สินที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวน 664.94 ล้านบาท หากการดำเนินงานของบริษัทไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ บริษัทอาจมีความเสี่ยงในการชำระหนี้จากสภาพคล่องที่ชะงัก

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และรายการส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ซึ่งมีมูลค่าที่ค่อนข้างสูงและเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด (Noncash Item)

โดยหากไม่รวมกำไรดังกล่าว อาจส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทร่วมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัท อีกทั้ง ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 บริษัทมียอดขายแล้วรอโอนกรรมสิทธิ์ (Baddog) จำนวน 487.81 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ภายในปี 2567-2568

3.ความเสี่ยงในการลงทุนและ Rebrand โรงแรมของบริษัท โดยบริษัทมีแผนการ Rebrand โรงแรมทั้งหมดของบริษัท สู่แบรนด์โรงแรมใหม่ภายใต้เครือไมเนอร์ โฮเทลส์ (MINOR INTERNATIONAL) โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ในการ Rebrand โรงแรมของบริษัท จำนวน 700 ล้านบาท ซึ่งการ Rebrand โรงแรมมีค่าใช้จ่ายที่สูง บริษัทจึงมีความเสี่ยงที่ผลการประกอบการโรงแรมอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นว่าการ Rebrand โรงแรม จะช่วยส่งเสริมมาตรฐานของโรงแรมให้ดียิ่งขึ้น และจากชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญของ MINT ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในวงการโรงแรมระดับโลก บริษัทเล็งเห็นว่าการ Rebrand ในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อบริษัท

4.ความเสี่ยงการดำรงอัตราส่วนทางการเงินตามเงื่อนไขการกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงิน โดยบริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วน D/E, IBD/E และ DSCR ตามข้อปฏิบัติของสัญญาเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้ ณ ทุกวันสิ้นปีบัญชี ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังสามารถดำรงอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวได้ตามเงื่อนไขที่กำหมด

อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตบริษัทไม่สามารถดำรงอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวได้ อาจส่งผลให้สถาบันการเงินเรียกชำระเงินกู้คืนก่อนกำหนด รวมถึงอาจถือเป็นเหตุผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการควบคุมทางด้านการก่อหนี้ และบริหารจัดการการรับเงินแต่ละโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผน