
ส่องผลตอบแทนหุ้นไทยช่วง 11 เดือนปี 2567 นักลงทุนต่างชาติขายไปมากน้อยแค่ไหน?
วานนี้ (29 พ.ย.) เป็นวันทำการตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายในเดือน พ.ย. 2567 ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานว่า SET Index ลดลง 0.47 จุด (-0.03%) ปิดที่ระดับ 1,427.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,195 ล้านบาท มีจำนวนหุ้นปรับขึ้น 303 บริษัท หุ้นปรับลง 168 บริษัท
ดัชนีแกว่งสร้างฐานรอปัจจัยหนุนใหม่ในช่วงสัปดาห์หน้า ประกอบกับนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในช่วงสุดสัปดาห์ เซ็กเตอร์ที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มไอซีที (INTUCH, ADVANC, TRUE) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) ส่วนเซ็กเตอร์ที่ปรับขึ้นพยุงดัชนีคือ กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) และ กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, TIDLOR)
โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ OR (+3.68%) ฟื้นตัวรับข่าว PTT และ OR ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปมดีเอสไอเข้าตรวจสอบกรณีทุจริตการจัดซื้อไบโอดีเซล โดยระบุการฟ้องร้องดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูล จึงเป็นจิตวิทยาบวกหนุนการเก็งกำไรหุ้นในช่วงสั้น
EA (+17.59%) มีบรรยากาศเชิงบวกจากข่าวได้พาร์ตเนอร์ใหม่หลังจาก กลุ่มบริษัทน้ำตาลราชบุรี เข้าถือหุ้น 5.11% ในหุ้น EA จาการรับโอนหุ้น 190 ล้านหุ้น จาก เอสพีบีแอลโฮดิ้ง ส่งผลให้ กลุ่มบริษัทน้ำตาลราชบุรี เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 ของ EA
GLOBAL (+3.23%), DOHOME (+2.02%) นักลงทุนเข้าเก็งกำไรอิงข่าว ครม.สัญจร อนุมัติโครงการเร่งด่วนและโครงการระยะยาวของ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย วงเงิน 19,282 ล้านบาท เพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม, ซ่อมแซมถนน และปรับปรุงระบบไฟฟ้า, ประปา และสาธารณูปโภคต่าง ๆ
CPAXT (+2.21%), TNP (+1.12%), BJC (+2.16%) ครม.สัญจร เห็นชอบปรับเพิ่มเบี้ยคนพิการ และเบี้ยผู้สูงอายุ โดยคนพิการปรับขึ้นเป็น 1,000 บาท ถ้วนหน้า จากเดิม 800-850 บาทต่อเดือน, ผู้สูงอายุตั้งแต่ 90 ปีขึ้นไปเพิ่มเบี้ยเป็น 1,250 บาท จากเดิม 1,000 บาทต่อเดือน หนุนกำลังซื้อเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก
MTC (+0.51%), SAWAD (+1.88%), TIDLOR (+1.14%) มีจิตวิทยาบวกจากบอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลงต่อเนื่องผสานข่าว ครม. เร่งออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและช่วยเหลือกลุ่มรากหญ้าหนุนยอดสินเชื่อกลุ่มรากหญ้าและช่วยลดปัญหาหนี้เสีย
SET ผลตอบแทนติดลบ 0.41%
ส่งผลให้ในภาพรวมช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 (2 ม.ค.- 29 พ.ย.) SET Index ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.41% จากดัชนีต้นปีที่ 1,433.38 จุด ลงมาอยู่ที่ 1,427.54 จุด
ต่างชาติขายหุ้นไทย 1.36 แสนล้าน
ขณะที่เม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) พบว่าขายสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 136,404.98 ล้านบาท แยกเป็นรายไตรมาสดังนี้
- ไตรมาส 1/2567 ขายสุทธิ 68,862.18 ล้านบาท
- ไตรมาส 2/2567 ขายสุทธิ 47,121.27 ล้านบาท
- ไตรมาส 3/2567 ซื้อสุทธิ 21,194.72 ล้านบาท
- ไตรมาส 4/2567 ขายสุทธิ 41,616.25 ล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน พ.ย.)
ติดตามตัวเลขจ้างงานสหรัฐ-ประชุม ครม.
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (25-29 พ.ย. 2567) ค่อนข้างเงียบเหงาเพราะตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันพฤหัสบดีและเปิดทำการครึ่งวันในวันศุกร์ ขณะที่ต้นสัปดาห์มีการปรับดัชนี MSCI ที่สร้างความผันผวนให้กับดัชนี SET อยู่พอสมควร ประกอบกับ BCP ถูกปรับออกจากดัชนี SETESG และยังมีประเด็นหุ้นรายตัวที่อาจจะมีความกังวล แต่ก็ได้มีการออกมาชี้แจงเรียบร้อยแล้วก็คลายความกังวลไป
ขณะที่มองไปในสัปดาห์ข้างหน้า (2-6 ธ.ค.) เนื่องจากจะมีวันหยุดในวันที่ 5 ธ.ค. เพราะฉะนั้นเมื่อการซื้อขายไม่เต็มสัปดาห์ อาจจะทำดัชนีแกว่งไซด์เวย์ กรอบการเคลื่อนไหวไม่กว้างมาก ประเมินกรอบแนวรับ 1ม420 จุด และแนวต้านที่ 1,450 จุด
ปัจจัยที่ต้องติดตามรอดูตัวเลขจ้างงานสหรัฐในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค. และปัจจัยภายในประเทศ รอประชุม ครม. ว่าจะมีการอนุมัติโครงการช่วยชาวนาไร่ละพัน หรือแจกเงินหมื่นเฟส 2 เพิ่มเติม หรือไม่
โดยในเดือน ธ.ค. 2567 คงคาดหวังเชิงบวกได้บ้างกับเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ที่เหลืออยู่ และกองทุน TESG ที่จะเป็นเงินใหม่เข้ามา ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนก็หาหุ้นลงทุนในธีมที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยเหล่านี้ได้