คอลัมน์ : เติมความคิด พิชิตการลงทุน ผู้เขียน : เอกภาวิน สุนทราภิชาติ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์
สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ปรับตัวลงต่อเนื่องทั้งเดือน พ.ย. เนื่องจากถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้นักลงทุนกังวลสงครามการค้า ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งเกิดกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้น EM รวมทั้งตลาดหุ้นไทย โดยในเดือน พ.ย.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นเดือนที่ 2 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2.8 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมกระแส Fund Flow เดือน พ.ย.ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกราว 1.3 หมื่นล้านเหรียญ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในทุกตลาดหุ้น นำโดยไต้หวันถูกขายสุทธิมากสุดกว่า 7.4 พันล้านเหรียญ ตามด้วย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ ราว 2.6, 0.9, 0.6, 0.5, 0.4 และ 0.3 พันล้านเหรียญ ตามลำดับ
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงาน 3Q67 ของ บจ.ใน SET ทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 2.07 แสนล้านบาท ลดลง 24.3%YOY และลดลง 18.9%QOQ โดยกลุ่มที่กำไรสุทธิลดลงทั้ง YOY และ QOQ หลัก ๆ คือพลังงาน วัสดุก่อสร้าง ท่องเที่ยว-โรงแรม ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตรงข้ามกับกลุ่มขนส่ง การแพทย์ ICT ธนาคาร ที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง YOY และ QOQ
ภาพรวมผลประกอบการ บจ.ใน SET 9M67 กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.28 แสนล้านบาท เทียบกับ 9M66 ที่ 7.73 แสนล้านบาท ลดลง 5.8%YOY
ทั้งนี้ แนวโน้ม SET ในเดือน ธ.ค. มองว่ามี Downside จำกัดบริเวณ 1,400 จุด เนื่องจากมองว่าดัชนีลงสะท้อนความเสี่ยงระดับหนึ่งแล้ว หลังทรัมป์ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย และตลาดกังวลต่อสงครามทางการค้า ขณะที่คาดว่าในเดือน ธ.ค.จะมีการไหลเข้าของเม็ดเงินฝั่งนักลงทุนสถาบัน จากทั้งกองทุนวายุภักษ์และกองทุนเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีที่จะมีเข้ามามากในช่วงปลายปีเป็นปัจจัยหนุนดัชนีได้
ด้านแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,470 และ 1,500 จุด ตามลำดับ ดังนั้น การอ่อนตัวของดัชนีเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม บริเวณแนวรับ 1,400-1,420 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจ ผมขอแนะนำหุ้น Stock Picks ของฝ่ายวิจัยฯ InnovestX ประจำ Q1/68 ซึ่งจากการวิเคราะห์ พบว่ามีคุณสมบัติของหุ้น 5 ประการที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดใน Q1/68 โดยหุ้นที่มองหาต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1) เป็นหุ้นที่มีงบดุลแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถรับมือต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความท้าทายที่หลากหลายได้ 2) หุ้นเชิงรับและมีรายได้จากตลาดภายในประเทศในสัดส่วนสูง ซึ่งสามารถป้องกันความผันผวนจากภายนอกได้ 3) หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากโมเมนตัมเชิงบวกของการบริโภคภายในประเทศและการฟื้นตัวของการลงทุน
4) หุ้นที่กําไรมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นใน Q1/68 โดยได้แรงหนุนทั้งจากรายได้ที่ฟื้นตัว และมาร์จิ้นที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น และ 5) หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และมีนโยบายสนับสนุนในระยะยาว
ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรของสหรัฐ ภายใต้การบริหารของทรัมป์ แต่ฝ่ายวิจัยยังคงใช้แนวทางการคัดเลือกหุ้นเด่น โดยโฟกัสไปที่บริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งและมีปัจจัยกระตุ้นการฟื้นตัวของกําไรอย่างชัดเจนใน Q1/68
เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์เหล่านี้ หุ้นเด่นที่เลือกสําหรับ Q1/68 ได้แก่ ADVANC (การฟื้นตัวของธุรกิจโทรคมนาคม), AOT (ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว), BCH (หุ้นเชิงรับกลุ่มการแพทย์ที่กําไรมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง), CPALL (ได้ประโยชน์จากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ) และ HMPRO (กําไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น)
…แล้วพบกันใหม่ ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี