
บล.เอเซีย พลัส เผยแนวคิดกระทรวงการคลังเตรียมปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ ทั้ง “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา-นิติบุคคล-VAT” ชี้เพิ่มอัพไซด์ SET Index ราว 100 จุด หนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 6.25% พร้อมจูงใจการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า วานนี้ รมว.คลัง เผยแนวทางในการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ได้แก่ 1.ภาษีเงินได้นิติบุคคล อาจพิจารณาปรับลดการจัดเก็บภาษีเหลือ 15% (เดิม 20%) เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ มองเป็นบวกต่อภาคธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น และการจ้างงานอาจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลอาจจัดเก็บภาษีได้น้อยลง ทำให้รายได้ลดลง
2.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจพิจารณาปรับลดการจัดเก็บภาษีเหลือ 15% (เดิมเป็นอัตราก้าวหน้าของภาษีเงินได้สูงสุด 35%) หวังดึงดูดแรงงานมีฝีมือกลับไทย มองเป็นบวกต่อกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐบาลจะจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้มีรายได้น้อย แต่ในทางกลับกัน รัฐบาลก็ต้องแลกมาด้วยการจัดเก็บภาษีของผู้มีรายได้สูงลดลง อีกทั้งโอกาสกระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เบื้องต้นรัฐบาลวางแผนปรับขึ้นภาษีเป็น 8% (เดิม 7%) ขณะที่ทั่วโลกมีการเก็บระหว่าง 15-25% เพื่อนำรายได้ภาษีช่วยผู้มีรายได้น้อย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยมองเป็นบวกต่อการเพิ่มรายได้ของภาครัฐ ซึ่งจะลดขนาดการขาดดุล และลดความเสี่ยงต่อการถูกปรับลด Credit Rating แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งอาจกระทบโดยตรงต่อเงินเฟ้อเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งจะลดกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อย การบริโภคน้อยลง
เมื่อพิจารณาแหล่งรายได้ของรัฐบาลในงบประมาณปี 2567 (ต.ค. 66-ก.ย. 67) ส่วนใหญ่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คิดเป็นสัดส่วน 28% และหากมีการปรับโครงสร้างภาษีให้มาอยู่ที่ฐาน 15% เบื้องต้นประเมินว่าจะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้มากกว่าที่สูญเสียไป
โดยวานนี้มีสัญญาณดีขึ้นจากเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดการเงินไทยทุกแห่งคือ ต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย 3.17 พันล้านบาท ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.4 พันล้านบาท และซื้อ SET50 Futures สูงถึง 36,951 สัญญา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้รับบรรยากาศบวกจากการที่คลังจะปรับโครงสร้างภาษีแบบ 15-15-15 โดยเฉพาะประเด็นการปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 20% เหลือ 15%
ประเมินประเด็นการปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 20% เหลือ 15% ช่วยหนุนตลาดและแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นได้ดังนี้
- หนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นราว 6.25% หรือเพิ่มกำไรต่อหุ้น (EPS) 6 บาทต่อหุ้น
- เพิ่มอัพไซด์ให้ SET Index เพิ่มขึ้นราว 100 จุด (อิง EPS 97 บาท/หุ้น และ P/E 16.5 เท่า)
- จูงใจให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิ่มขึ้น
“สรุปประเด็นการปรับโครงสร้างภาษีนิติบุคคล มีโอกาสหนุน EPS ตลาดเพิ่มขึ้นได้ 6% พร้อมกับจูงใจเห็นการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมขึ้นได้”