
แบงก์ปรับเกมสินเชื่อลุย “จำนำทะเบียนรถ” มากขึ้น แก้ปมสินเชื่อประเภทอื่นปล่อยยาก-ระมัดระวังให้กู้ จากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง นายกสมาคม “จำนำทะเบียนรถ” ชี้ความต้องการกู้ “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” ทะลักสูง-เอสเอ็มอีกู้เป็นสภาพคล่องหมุนเวียนธุรกิจ เชื่อปีหน้าโตต่อเนื่อง 10-20% “ซีไอเอ็มบี ไทย” ส่ง “สินเชื่อรถปลดล็อก” คิดดอกเบี้ยต่ำ 9.95% ต่อปี ตั้งเป้าปล่อยกู้ 3 พันล้าน ฟาก “กสิกรไทย” ปั้น “เงินให้ใจ” เจาะลูกค้าแบงก์ที่เป็นเจ้าของรถ 3 ล้านราย เล็งปี’69 ดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถปี 2567 นี้มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งในแง่คุณภาพสินเชื่อ และอัตราการเติบโต แม้ว่าสินเชื่ออาจจะไม่ได้ขยายตัวสูง เพราะสถาบันการเงินยังคงระมัดระวัง แต่ถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น
ขณะที่แนวโน้มในปี 2568 ประเมินว่าตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นตามแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการควบคุมคุณภาพหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ดีขึ้นตามลำดับ
ซึ่งปัจจุบันเอ็นพีแอลทั้งระบบเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4% และความต้องการสินเชื่อเพื่อเป็นสภาพคล่องหมุนเวียนในธุรกิจยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเมินอัตราการเติบโตราว 10-20% ในปีหน้า
“ตอนนี้ตลาดจำนำทะเบียนแนวโน้มดีขึ้นเยอะมาก และคาดว่าปี 2568 จะยังดีต่อเนื่อง เราไม่เคยเห็นความต้องการสินเชื่อที่มหาศาลขนาดนี้ สูงสุดเท่าที่ทำธุรกิจมา แต่พอร์ตปีนี้ไม่ได้โตมาก เพราะทุกคนยังระมัดระวังตัวอยู่ หากเร่งปล่อยเหมือนในอดีต 3-4 ปีที่ผ่านมา ก็อาจเห็นการเติบโต 40-50% แต่ทุกคนเหยียบเบรกไว้ และหากมีมาตรการพักหนี้ แก้หนี้ แบงก์จะยิ่งเข้มงวด ทำให้เอสเอ็มอีหรือคนที่ต้องการสภาพคล่องหันมาใช้จำนำทะเบียนมากขึ้นอีก”
ทั้งนี้ สถาบันการเงินยังให้ความสนใจเข้ามาเล่นในตลาดนี้เพิ่มขึ้น แม้ว่าอัตราผลตอบแทน (Yield) อาจจะไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบในอดีต แต่ถือว่ายังค่อนข้างดี เพราะปัจจุบันสินเชื่อประเภทอื่นค่อนข้างปล่อยได้ยาก จากแรงกดดันต่าง ๆ ที่ทำให้แบงก์ต้องหันมาเจาะตลาดอื่น ๆ เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่มาชดเชยธุรกิจเดิมที่มีอยู่
“จำนำทะเบียนรถไม่ได้แข่งรุนแรง และเร่งเหมือนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยสถาบันการเงินเลือกกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และพิจารณาวงเงินให้เหมาะสม อาจจะปรับวงเงินต่อรายลดลง เพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้อัตราการเติบโตสินเชื่อไม่สูงเมื่อเทียบกับความต้องการที่มีค่อนข้างมาก”
นายเกรียงภพ ปานุราช รองกรรมการผู้จัดการ สินเชื่อการตลาดและบริหารสินเชื่อ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับสัญญาณความต้องการสินเชื่อเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องในธุรกิจมากขึ้น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถสามารถช่วยเสริมสภาพคล่องลูกค้าได้ และยังเป็นธุรกิจที่มีเอ็นพีแอลค่อนข้างต่ำไม่ถึง 1% บริษัทจึงหันมาทำตลาดนี้มากขึ้นผ่าน “สินเชื่อรถปลดล็อก”
“กลุ่มเป้าหมายสินเชื่อจำนำทะเบียน จะเป็นกลุ่มที่มีประวัติชำระหนี้ที่ดี และมีประวัติในเครดิตบูโร หรือกลุ่มมนุษย์เงินเดือน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้ 3-5 หมื่นบาท/เดือน เห็นความต้องการสินเชื่อมากขึ้น เป็นกลุ่มที่ Enjoy กับอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งบริษัทเสนออัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.25% ต่อเดือน
และหากลูกค้ามีประวัติเครดิตดี ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ราว 9.95% ต่อปี ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินแห่งอื่นที่เสนออัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 15-18% ต่อปี วงเงินเฉลี่ยที่ลูกค้าใช้จะอยู่ที่ 3 แสนบาทต่อราย อายุรถเฉลี่ย 6-10 ปี ส่วนกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติดี วงเงินจะอยู่ที่ 5 แสนบาทต่อราย และหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้วงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท”
นายเกรียงภพกล่าวว่า เป้าหมายปี 2568 บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 300% จากปีก่อน และตั้งเป้าภายใน 4 ปี นับตั้งแต่ 2568-2571 ตั้งเป้าขยับสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเป็น 20% หรืออยู่ที่ 8,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่ 3.8-4 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% ของยอดสินเชื่อคงค้าง 3.1 หมื่นล้านบาท
“เรามองว่าเศรษฐกิจโดยรวมที่เป็นแบบนี้ หนี้ครัวเรือนที่สูง สินเชื่อจำนำทะเบียนก็มีโอกาสที่จะเข้าไปช่วยลูกค้าที่มีปัญหาระยะสั้นและต้องการสภาพคล่องได้ ซึ่งเราเห็นสัญญาณว่าลูกค้ากลุ่มรายได้ 3 หมื่นบาทขึ้นไป มีความต้องการ Cash Flow มากขึ้น”
รายงานแจ้งว่า ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ได้ส่งบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เดินหน้าให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน ประเภทสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ และประเภทสินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ ทั้งรถส่วนบุคคลและรถเชิงพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ “เงินให้ใจ” ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำ เจ้าของร้านค้ารายเล็ก และพนักงานเงินเดือน
โดยเฉพาะลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ยังไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อ และเป็นเจ้าของรถมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านราย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้สะดวกและง่ายขึ้น ผ่านสาขาของธนาคารกสิกรไทย 789 แห่งทั่วประเทศ หรือผ่านแอปพลิเคชั่น K PLUS ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 22.9 ล้านราย โดยมีเป้าหมายเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2569