
ธุรกิจประมูลรถ คาดมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของรัฐจะช่วยชะลอยอด “รถยึดเข้าลาน” ปีหน้าลงได้“แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น” คาดรถยึดเข้าลานประมูลปี’68 ต่ำกว่าปีนี้ ขณะที่ “สหการประมูล” ประเมินยอดปี 2567 ทรงตัว เชื่อมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะช่วยชะลอยึดรถได้เพียงระยะหนึ่ง เหตุไม่ครอบคลุมกลุ่มน็อนแบงก์ ฟาก “SIA” แนะรัฐออกมาตรการเสริมด้านรายได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ที่คาดว่าจะออกมาในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2568 จะช่วยให้อัตราการยึดรถน้อยลงได้ เนื่องจากสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้มากขึ้น
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากมาตรการเบื้องต้น ที่มีการเปิดเผย ในส่วนสินเชื่อรถ ว่าต้องเป็นลูกค้าที่ค้างชำระและเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่เกิน 1 ปี มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 8 แสนบาทนั้น ถือว่าเป็นทางออกให้กับลูกหนี้ที่เริ่มผ่อนชำระไม่ไหวในการลดภาระ เนื่องจากมาตรการที่ผ่านมา ลูกค้าชำระค่างวดจะถูกตัดดอกเบี้ยและเงินต้น แต่รอบนี้ค่างวดจะถูกนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด และหากสามารถทำได้ตามเงื่อนไข ภายใน 3 ปี เช่น อัตราดอกเบี้ยที่พักไว้ 3 หมื่นบาท ก็จะได้รับการยกให้ทั้งหมด ซึ่งหลักการนี้จะช่วยลดภาระหนี้ได้จริง
“คาดว่ายอดยึดรถยนต์ในปี 2568 จะปรับลดลงจากปีนี้ที่ประเมินว่ามีรถยึดเข้าลานประมูลราว 3 แสนคัน จากอัตราการยึดรถเฉลี่ยเดือนละ 2-3 หมื่นคัน เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีปัจจัยบวก รายได้ยังไม่กลับมา ทั้งประชาชน และผู้ประกอบการ ทำให้ไม่มีกำลังจะจ่ายหนี้ ทั้งนี้ สัดส่วนการยึดประมาณ 60% เป็นรถกระบะ และอีก 40% เป็นรถยนต์” นายอนุชาติกล่าว
นายสุธี สมาธิ กรรมการผู้จัดการและประธานสายงานธุรกิจสัมพันธ์และการตลาด บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการจะมีผลช่วยชะลออัตราการยึดรถในระบบลงได้ระยะหนึ่ง เพราะหลังการระบาดของโควิด-19 สถาบันการเงินได้ช่วยเหลือลูกหนี้แล้วจำนวนมาก และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี รถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าเสื่อมถอย หากมีการปรับโครงสร้างหนี้ยาวขึ้น จะไม่ตอบโจทย์มากนัก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่อยู่อาศัย เช่น ลูกค้าผ่อน 72 งวด ยืดระยะเวลาเป็น 100 งวด ราคารถจะตกลง เชื่อว่าสถาบันการเงินทำไม่ได้ทั้งหมด อาจจะต้องเลือกทำเป็นรายหรือเป็นกลุ่มเท่านั้น
นอกจากนี้ มาตรการครั้งนี้จะดำเนินการเฉพาะสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เท่านั้น ไม่นับรวมผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (น็อนแบงก์) ดังนั้น อาจจะไม่ได้ครอบคลุมลูกหนี้ทั้งหมด รวมถึงยังคงต้องติดตามอัตราดอกเบี้ยที่พักไว้ ในส่วนของภาครัฐจะช่วยชดเชยหรืออุดหนุนเท่าไร และสถาบันการเงินออกเท่าไร และภายในระยะเวลา 3 ปี คนที่เข้าโครงการจะมีวินัยเพียงพอตามเงื่อนไขหรือไม่ เพราะห้ามกู้ใหม่ ไม่สามารถกู้เพิ่มได้ในช่วงที่พักดอกเบี้ย 3 ปี
นายสุธีกล่าวว่า สำหรับยอดการยึดรถเข้าลานประมูลในไตรมาส 4/2567 น่าจะชะลอลงเล็กน้อย แต่ยังถือว่าทรงตัวไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดทั้งปี 2567 ยอดรถยึดทั้งระบบน่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2566 อยู่ที่ 2.3-2.5 แสนคัน
“เชื่อว่ามาตรการจะมี Effect ต่อตลาดบ้าง แต่แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะไม่ได้แตกต่างจากช่วงโควิด-19 มากนักที่มีการช่วยเหลือจำนวนมากและทำต่อเนื่องมาแล้ว 3 รอบ รถกระบะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาอยู่แล้ว และได้รับการช่วยเหลือไปจำนวนมากแล้ว จึงไม่น่าเยอะมากในรอบนี้ แต่สิ่งที่น่าจะช่วยได้และแก้ได้ถาวร คือ ทำให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้น” นายสุธีกล่าว
นายสิทธิศักดิ์ มหาสิทธิวัฒน์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์การตลาดและสื่อออนไลน์ บริษัท สยามอินเตอร์ การประมูล จำกัด หรือ SIA กล่าวว่า มาตรการแก้หนี้เป็นเรื่องที่ดี จะช่วยยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้อัตราการยึดรถปรับลดลง แต่จะลดลงมากน้อยขนาดไหน
อาจจะขึ้นอยู่กับกระบวนการและเงื่อนไขการช่วยเหลือของสถาบันการเงิน รวมถึงภาครัฐจะต้องมีมาตรการส่งเสริมในด้านรายได้ และผู้เช่าซื้อจะต้องมีวินัยทางการเงิน เนื่องจากส่วนใหญ่สินเชื่อที่มีปัญหาจะเห็นว่าประมาณ 80% มาจากพฤติกรรมของผู้เช่าซื้อ และอีก 20% มาจากปัญหา หรือเจอวิกฤต
“มาตรการประนอมหนี้เคยมีมาแล้วในช่วงโควิด-19 ในปี 2563-2566 ซึ่งเป็นการผลักภาระหนี้วันนี้ไปในอีก 3 ปี แต่เชื่อว่าช่วยชะลอการยึดรถ แต่ก็ขึ้นกับลูกค้าที่เข้าโครงการจะต้องมีวินัยการแก้หนี้จะสำเร็จ และมาตรการควรทำควบคู่กับการเสริมรายได้” นายสิทธิศักดิ์กล่าว
นายสิทธิศักดิ์กล่าวว่า รถยึดเข้าลานประมูลในปี 2567 ประเมินว่าจะอยู่ที่ราว 3 แสนคัน และในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียง 3 แสนคัน ซึ่งสัดส่วนรถยึดประมาณ 50% หรือราว 1.5 แสนคัน จะเป็นรถกระบะ และอีก 50% จะเป็นรถเก๋ง