ธปท.เปิดมาตรการโครงการ “คุณสู้ เราช่วย ปิดหนี้ได้ไว ไปต่อได้เร็ว” ผ่าน 2 มาตรการหลัก ธปท. “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” คาดมีลูกหนี้เข้าข่ายรวม 1.9 ล้านราย วงเงิน 8.9 แสนล้านบาท เปิดรับสมัคร 12 ธ.ค. 67-28 ก.พ. 68
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศมานาน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ ธปท.ที่พยายามผลักดันต่อเนื่อง ตั้งแต่ในช่วงโควิด-19 ออกมาตรการแบบปูพรม และหลังจากนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์ยืดเยื้อ ไม่เท่าเทียมมีการปรับมาตรการให้ตรงจุดมากขึ้น ผ่านมาตรการฟื้นฟูและโครงการพักทรัพย์พักหนี้ รวมวงเงินกว่า 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งมีการเบิกใช้วงเงินไป 99.4% และหลังจากนั้นปรับมาตรการระยะยาวผ่านมาตรการฟ้า-ส้ม
และเมื่อต้นปี 2567 ออกมาตรการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) เน้นการช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีการปรับโครงสร้างแล้ว 6 ล้านบัญชี มูลหนี้ 2 ล้านล้านบาท
ซึ่งล่าสุด โครงการ “คุณสู้ เราช่วย ปิดหนี้ได้ไว ไปต่อได้เร็ว” ผ่าน 2 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้ โดยจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้กับลูกหนี้ โดยค่างวดที่ลดลงจะทำให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเหลือสำหรับดำรงชีพเพิ่มเติมระหว่างอยู่ในมาตรการ ขณะที่ดอกเบี้ยที่ได้รับยกเว้นจะช่วยให้ภาระหนี้โดยรวมของลูกหนี้ลดลง
มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ” เป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) โดยลูกหนี้จะต้องเข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้บางส่วน ซึ่งมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง สามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้ จาก “หนี้เสีย” เป็น “ปิดจบหนี้” และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการ “คุณสู้ เราช่วย ปิดหนี้ได้ไว ไปต่อได้เร็ว” จะแตกต่างจากมาตรการอื่น ๆ ที่ผ่านมา โดยจุดสำคัญ คือ เน้นการปรับโครงสร้างหนี้ ตัดเงินต้นในระยะ 3 ปี และการชำระเงินแบบ Copayment โดยภาครัฐช่วยลดเงินสมทบเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และเงินสมทบจากธนาคารส่วนหนึ่ง โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าเปราะบางและต้องการความช่วยเหลือรวม 1.9 ล้านราย วงเงิน 8.9 แสนล้านบาท
”มาตรการนี้จะช่วยเหลือลูกหนี้ที่พยายามต่อสู้กับปัญหาหนี้ และพร้อมไปต่อ เราจะช่วยธนาคารผลักดัน ซึ่งมาตรการจะเป็นมาตรการชั่วคราว 3 ปี สอดคล้องกับการฟื้นตัวของรายได้ระยะข้างหน้า และเน้นได้ผลจริง ซึ่ง ธปท.จะติดตามการช่วยเหลือ และรายงานกลับมายัง ธปท.“
สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ
1.ลดค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น
2.พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขได้ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ภายใต้มาตรการ
ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ได้ เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น
คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้
1.มีวงเงินสินเชื่อรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกินที่กำหนด โดยพิจารณาแยกวงเงินตามประเภทสินเชื่อต่อสถาบันการเงินดังนี้
- สินเชื่อบ้าน/บ้านแลกเงิน วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
- สินเชื่อเช่าซื้อ/จำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินไม่เกิน 8 แสนบาท
- สินเชื่อเช่าซื้อ/จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท
- สินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
กรณีสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต หากมีหนี้บ้านหรือรถที่เข้าเงื่อนไขข้างต้น สามารถพิจารณาเข้ามาตรการรวมหนี้ได้ ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่สถาบันการเงินรับได้ โดยวงเงินเมื่อรวมแล้วไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนด
2.เป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567
3.มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
3.1 เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
3.2 เป็นหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน และได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565
3.เงื่อนไขของการเข้าร่วมมาตรการ
- ลูกหนี้ไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกที่เข้าร่วมมาตรการ ยกเว้นกรณีสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้ โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามความเหมาะสม
- ลูกหนี้รับทราบว่า จะมีการรายงานข้อมูลต่อเครดิตบูโร (NCB) ถึงการเข้าร่วมมาตรการ-หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระค่างวดขั้นต่ำได้ตามที่มาตรการกำหนด หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ได้ เช่น ลูกหนี้ก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน ลูกหนี้จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้ในระหว่างที่เข้ามาตรการ
- หากสัญญาสินเชื่อมีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมในการเข้าร่วมมาตรการและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่
มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ” เป็นการช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อเปลี่ยนสถานะจากหนี้เสียเป็นปิดจบหนี้ และให้ลูกหนี้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้
1.1 รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ลูกหนี้จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยลูกหนี้จะชำระหนี้บางส่วน เพื่อให้สามารถจ่ายและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น
1.2 คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้
- ลูกหนี้บุคคลธรรมดา ที่มีสถานะค้างชำระเกินกว่า 90 วัน (NPL) ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
- มีภาระหนี้ต่อบัญชี ไม่เกิน 5,000 บาท โดยไม่จำกัดประเภทสินเชื่อ (สามารถเข้าร่วมมาตรการได้มากกว่า 1 บัญชี)
ในระยะต่อไป ผู้ประกอบธุรกิจกลุ่ม Nonbank อื่น ๆ จะมีความช่วยเหลือออกมาเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างไป เพื่อร่วมกันผลักดันให้การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเดินหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรมในวงกว้างและครอบคลุมลูกหนี้ได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” สามารถศึกษารายละเอียดของมาตรการและสมัครเข้าร่วมได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 น. ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 23.59 น. ทั้งนี้ ลูกหนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BOT Contact Center ของ ธปท. โทร.1213 หรือ Call Center ของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการและกดเบอร์ต่อ 99