บลจ.จิตตะ เวลธ์ แนะโอกาสการลงทุนหุ้นโลกปี‘68 มอง ”หุ้นจีนเด่นสุด“ มีหุ้นดีราคาที่ถูกให้เลือก คาดเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น มีนโยบายเตรียมรับมือสงครามการค้ากับสหรัฐ ส่วนหุ้นไทยปีหน้า คาด ”ไซด์เวย์อัพ“ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐหนุน มองกลุ่มท่องเที่ยวน่าสนใจ
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นโลกปี 2568 ยังสดใสต่อเนื่อง โดยเทรนด์ยังเป็นนโยบายการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม อาจจะมีความผันผวนของนโยบายฝั่งสหรัฐที่มีการเลือกตั้งและได้โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี ซึ่งจะส่งผลต่อไปถึงการค้า สงครามในตะวันออกกลาง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั่วโลก นโยบายต่าง ๆ อาจจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับประโยชน์ ส่วนประเทศต่าง ๆ อาจจะได้รับผลกระทบ ทั้งประเทศไทย ในเรื่องการส่งออกไปที่สหรัฐ รวมถึงประเทศจีนที่จะได้ผลกระทบหากมีการปรับขึ้นภาษี 60%
อย่างไรก็ตาม มองว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเริ่มดีขึ้น จากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มคลี่คลายมากขึ้น ผู้นำระดับสูงของจีนได้เปลี่ยนท่าทีนโยบายการเงิน ด้วยการประกาศยึดการผ่อนคลายทางนโยบายการเงิน และให้คำมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับสงครามการค้าครั้งที่ 2 จากว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
“ดังนั้นมองว่าในปีหน้า ตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดหุ้นดาวเด่นได้ จากราคาที่ถูก และรัฐบาลน่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอุปโภคบริโภคในประเทศซึ่งแม้ว่าจะมีวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ แต่ธุรกิจกินใช้และอาหาร ยังเติบโตได้ดี, กลุ่มเฮลท์แคร์เนื่องจากภาครัฐบาลลดการพึ่งพิงยาจากสหรัฐ และผลิตเอง รวมถึงมีนโยบายให้ซื้อยาในประเทศ, กลุ่มพลังงานสะอาดซึ่งภาครัฐบาลสนับสนุน”
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง P/E ปัจจุบันของ S&P 500 อยู่ที่ 27 เท่า แต่ HSI อยู่ที่ 9.8 เท่า ซึ่งถือว่ายังถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่พัฒนาแล้ว โดยคาดการณ์ GDP ฮ่องกงโต 2.5% ในปี 2567 ต่อเนื่องจาก 2566 และฟื้นตัวจากช่วง 2565 ที่ GDP ติดลบ 3.7% สำหรับตลาดหุ้นคาดว่าได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของจีนแผ่นดินใหญ่เพราะมีบริษัทจีนจดทะเบียน ในตลาด (H-shares) อยู่เป็นจํานวนมาก
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐอาจค่อนข้างผันผวนในปีหน้า แม้จากสถิติหุ้นสหรัฐในปีที่เลือกตั้งมักจะปรับตัวขึ้น แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นมา 2 ปี กว่า 20% จึงมองว่าอาจจะปรับขึ้นได้ แต่ไม่ได้แรงมากนัก ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐยังคงต้องติดตามนโยบายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เช่น นโยบายการปรับลดภาษีสำหรับภาคธุรกิจในประเทศ การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ความเข้มงวดด้าน Immigration เป็นต้น
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยปี’68 ประเมินว่า จะอยู่ในทิศทางไซด์เวย์อัพ เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และนโยบายดอกเบี้ย เริ่มอยู่ในเทรนด์เดียวกับทั่วโลก ที่เริ่มปรับลดลง ดังนั้นต้นทุนกู้ยืมต่าง ๆ จะเริ่มลดลง เศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ดีขึ้น มีนโยบายที่กระตุ้นจากทางภาครัฐ โดยตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันราคายังไม่ได้แพงมาก น่าจะพอไปต่อได้ โดยมองว่ากลุ่มท่องเที่ยวและเกี่ยวข้องการภาคบริการน่าสนใจ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเข้ามามากยิ่งขึ้น ส่วนการบริโภคในประเทศมองว่าค่อนข้างอิ่มตัว