เงินบาทอ่อนค่า จับตาสัปดาห์หน้า 7 ปัจจัยสำคัญ-ราคาทองตลาดโลก

เงินบาท-ราคาทองคำ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้เงินบาทกลับมาอ่อนค่า ขณะที่หุ้นไทยร่วงลงท่ามกลางแรงขายของต่างชาติ จับตาสัปดาห์หน้า 7-8 ปัจจัยสำคัญ ทั้งผลการประชุมของ กนง. (18 ธ.ค.) ผลการประชุม FOMC (17-18 ธ.ค.) และ Dot Plot ของเฟด ผลการประชุม BOJ (18-19 ธ.ค.) ผลการประชุม BOE (19 ธ.ค.) การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน รวมถึงสัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 33.66 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะพลิกอ่อนค่ากลับมาช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและสกุลเงินเอเชีย

เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับเงินดอลลาร์ขาดแรงหนุน เนื่องจากตลาดประเมินโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.นี้

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงตามทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค ท่ามกลางการคาดการณ์ของตลาดว่าทางการจีนอาจทยอยปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงในปี 2568 เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดจากมาตรการภาษีการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น โดยมีแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในเดือน พ.ย. ที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด

กราฟค่าเงินบาท

ADVERTISMENT

ในวันศุกร์ที่ 13 ธ.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 34.07 บาทต่อดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 ธ.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 9-13 ธ.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 5,907 ล้านบาท และ 6,246 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับสัปดาห์ถัดไป ระหว่างวันที่ 16-20 ธ.ค. ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.60-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (18 ธ.ค.) ผลการประชุม FOMC (17-18 ธ.ค.) และ Dot Plot ของเฟด ผลการประชุม BOJ (18-19 ธ.ค.) ผลการประชุม BOE (19 ธ.ค.) การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน รวมถึงสัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก

ADVERTISMENT

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/บริการ (เบื้องต้น) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือน พ.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 (Final) และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิต/บริการ (เบื้องต้น) เดือน ธ.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ของอังกฤษและยูโรโซน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ย. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรด้วยเช่นกัน

กราฟตลาดหุ้นไทย

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ตามแรงขายของต่างชาติ ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุน เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ประกอบกับมีวันหยุดในช่วงระหว่างสัปดาห์

อย่างไรก็ดี แม้จะมีประเด็นเกี่ยวกับนโยบายของภาครัฐที่จะผลักดันในปีหน้า แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะประคองให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นได้ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นร่วงลงมากในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเผชิญแรงขายทำกำไร ประกอบกับมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ไทยอาจรับผลกระทบจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องในช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาคท่ามกลางแรงขายเพื่อลดสถานะการลงทุนที่มีความเสี่ยงระหว่างรอติดตามทิศทางนโยบายการเงินของทั้งไทยและต่างประเทศจากการประชุมเฟดและกนง.ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า

ในวันศุกร์ที่ 13 ธ.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,431.67 จุด ลดลง 1.40% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 38,475.83 ล้านบาท ลดลง 6.00% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.32% มาปิดที่ระดับ 317.37 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (16-20 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,420 และ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,445 และ 1,460 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (17-18 ธ.ค.) การประชุม กนง. (18 ธ.ค.) รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ธ.ค. ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือน พ.ย. จีดีพีไตรมาส 3/2567 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ BOE ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ธ.ค.ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ย. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือน ธ.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน พ.ย.ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร