ธอส.ตั้งเป้าปี‘68 กู้ใหม่ 2.5 แสนล้าน “คุณสู้ เราช่วย” หนุน NPL ต่ำ 5%

ธอส ธนาคารอาคารสงเคราะห์ บ้าน สินเชื่อบ้าน

ธอส.มั่นใจปี 2567 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 2.3 แสนล้านบาท ตั้งเป้าปี 2568 ยอดกู้ใหม่เพิ่ม 2.4-2.5 แสนล้าน เผย “โครงการคุณสู้ เราช่วย” มีลูกค้าเข้าโครงการกว่า 3.4 แสนบัญชี ยอดหนี้รวม 3.13 แสนล้านบาท คาดหนุน NPL ลดลงต่ำกว่า 5% ด้าน “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” พร้อมดำเนินการตามนโยบาย คาดใช้เวลาดำเนินการไม่ต่ำกว่า 16 เดือน

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอดระยะเวลา 71 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย เป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.6 ล้านครอบครัว สามารถสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการคลังในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีคุณภาพชีวิต และความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย

โดย ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 200,856 ล้านบาท จำนวน 155,536 บัญชี ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท สูงถึง 95,125 ราย สะท้อนว่า ธอส.เป็นธนาคารที่ตอบโจทย์ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมาอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบัน ธอส.มีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.78 ล้านล้านบาท ให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายและตรงตามความต้องการของลูกค้า อาทิ สินเชื่อบ้าน 71 ปี ธอส., โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567, มาตรการสินเชื่อซื้อ-สร้าง และมาตรการสินเชื่อซ่อม-แต่ง ทำให้คาดการณ์ทั้งปี 2567 ธอส.จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 230,000 ล้านบาท

ขณะที่การจัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านรายได้ให้กับลูกค้านั้น ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการรวม 114,101 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 133,255.49 ล้านบาท โดยเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาบ้านให้คนไทย และทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ ธอส. อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้

ADVERTISMENT

โดย NPL ภาพรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.17% ปัจจุบันปรับลดลงเหลือ 5.50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ และคาดว่ามาตรการ คุณสู้ เราช่วย น่าจะช่วยให้สถานการณ์ลูกหนี้ดีขึ้น และคาดว่าปี 2568 หนี้ NPL จะปรับตัวลดลงด้วย

สำหรับในปี 2568 ธอส.พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการเป็นที่ 1 ของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

ADVERTISMENT

โดย ธอส.คาดการณ์ปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2568 ได้ราว 2.4 แสนล้านบาท-2.5 แสนล้านบาท ขยายตัว 3% จากปี 2567 ผ่านการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและเงินงวดในการผ่อนชำระอยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง (Social Solution) และสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประจำ-อาชีพอิสระ ที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาท/เดือน (Business Solution)

“จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นในปลายปี 2567 ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจในปี 2568 ขยายตัวดีขึ้น
ดังนั้นจึงคาดว่าการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. จะได้ตามที่คาดการณ์ไว้ โดย ธอส.พร้อมสานต่อนโยบายของรัฐในการสนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน ด้วยการให้บริการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ไม่ต่ำกว่าสินเชื่อใหม่ที่ปล่อยได้ในปี 2567 ได้”

ในส่วนของโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่จะเริ่มต้นมกราคม 2568 จะมีลูกค้าที่เข้าเงื่อนไขโครงการนี้รวมจำนวน 3.49 แสนบัญชี ยอดหนี้รวม 3.13 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยลูกค้าประหยัดดอกเบี้ยราว 16,900 ล้านบาท/ปี โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่แสดงความสนใจเข้ามาแล้ว 6.6 พันบัญชี ซึ่งโครงการดังกล่าว ธอส.จะเข้าไปรับผิดชอบครึ่งหนึ่งประมาณ 8,400 ล้านบาท และรัฐบาลจะรับผิดชอบอีกครึ่งหนึ่ง ผ่านการใช้มาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้จะช่วยลด NPL ลง โดยคาดว่าปีหน้า NPL ของเรา จะลดลงมาอยู่ที่ราว 5%

“ปีหน้า NPL น่าจะดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันหนี้ NPL เริ่มมีแนวลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ รวมถึงมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่จะเข้ามาช่วยลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มเป็นขาลง ทำให้สามารถแบ่งเบาภาระได้“

ในส่วนของโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย“ (Public Housing) ผ่อนเดือนละประมาณ 4,000 บาท เป็นเวลาประมาณ 25 ปี และให้สิทธิอยู่อาศัย 30+30 ปี รวมเป็น 60 ปีตามกฏหมายเดิม โดยคาดว่าจะมีใกล้เคียงกับโครงการบนที่ดินราชพัสดุที่ได้ทำร่วมกับกรมธนารักษ์

ในส่วนของ ธอส. พร้อมที่จะทำตามนโยบายของโครงการ ซึ่งหากประชาชนได้สิทธิผ่านเงื่อนไขโครงการ ทาง ธอส.สามารถให้กู้ได้ ทั้งนี้รายละเอียด เงื่อนไขโครงการและคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วม รัฐบาลจะมีการกำหนดความชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการบ้านเพื่อคนไทย น่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการไม่น้อยกว่า 16 เดือน เนื่องจากเป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวตั้ง ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการต้องมีประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESIA)

นอกจากนี้ ธอส.ได้พัฒนาการให้บริการเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น อาทิ (1) โครงการสอบทานกระบวนการให้สินเชื่อ (Automate Loan Review : ALR) โครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อสอบทานคุณสมบัติของลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้สินเชื่อที่ตรงกับความต้องการและความสามารถของลูกค้า

(2) โครงการระบบ GHB Digital  Appraisal ระยะที่ 3 เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการประเมินราคาหลักทรัพย์ผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งมีการขยายพื้นที่ในการให้บริการไปยังสาขาต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยระบบดังกล่าวเป็นการให้บริการด้านข้อมูลการประเมินราคาหลักทรัพย์ในเบื้องต้นให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มีความประสงค์จะขอสินเชื่อกับธนาคาร ให้สามารถประเมินราคาในเบื้องต้นเพื่อประมาณการวงเงินอนุมัติเบื้องต้นได้รวดเร็วขึ้น

โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th