3 แรงหนุน เศรษฐกิจปลายปี 2567

THAI
คอลัมน์ : เช้านี้ที่ซอยอารีย์
ผู้เขียน : ดร.พงศ์นคร โภชากรณ์ ([email protected])

การประกาศอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ที่ออกมาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 เมื่อเดือนก่อน แม้จะเหนือความคาดหมายไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นทิศทางบวกกับประเทศ ผมยังมีความมั่นใจอยู่ลึก ๆ ว่า ไตรมาสที่ 4 ที่จะไปประกาศราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 น่าจะออกมาดีกว่าไตรมาสที่ 3 เสียอีก ผมเดาว่าน่าจะอยู่แถว ๆ ร้อยละ 4.0 บวกลบนิดหน่อย ซึ่งจะทำให้ทั้งปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 2.7 โดยมีแรงหนุนที่สำคัญ 3 ตัว ได้แก่

ตัวที่ 1 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ : นับจาก 1 มกราคม ถึง 8 ธันวาคม 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวประเทศไทยแล้ว 32.7 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจีนเข้ามา 6.3 ล้านคน มาเลเซียเข้ามา 4.6 ล้านคน อินเดียเข้ามาเกือบ 2 ล้านคนแล้ว เกาหลีใต้เข้ามา 1.7 ล้านคน และรัสเซียเข้ามา 1.6 ล้านคน

นี่คือ 5 แหล่งรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปี 2567 โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าเอาไว้ว่า ทั้งปี 2567 ไว้ที่ 36 ล้านคน ลบเลขแล้วยังขาดอีกประมาณ 3.3 ล้านคน ดูแล้วลุ้นเหนื่อยหน่อย เพราะโชคไม่ดีที่หลายจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้เจอฝนตกหนัก น้ำท่วม การท่องเที่ยวจึงต้องหวังพึ่งจากกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกแทน

ตัวที่ 2 อัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของรัฐบาล : รัฐบาลตั้งรายจ่ายลงทุนปีงบประมาณ 2568 เอาไว้ที่ 9.6 แสนล้านบาท โดยงบประมาณปี 2568 เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ไปจนถึงเดือนกันยายน 2568 เมื่อแยกเป็นรายไตรมาส เม็ดเงินที่จะออกในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2568 ก็คือไตรมาสที่ 4 ของปีปฏิทิน 2567 นั่นเอง ขณะนี้ 1 ตุลาคม ถึง 13 ธันวาคม 2567 รายจ่ายลงทุนเบิกจ่ายออกสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วประมาณ 1.1 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายที่ร้อยละ 11.5 ใกล้เคียงกับเป้าหมายรายเดือนที่ตั้งไว้

และประกอบกับในปีที่แล้วมีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายล่าช้า เมื่อฐานต่ำก็ทำให้อัตราการขยายตัวของรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในไตรมาสที่ 4 สูงมาก จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ขยายตัวได้สูงเช่นกัน

ตัวที่ 3 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท : โครงการนี้ใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท ให้คน 14.5 ล้านคน เป็นตัวขับเคลื่อนการบริโภค เวลานี้เม็ดเงินดังกล่าวกำลังหมุนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ กระจายอยู่ตามจังหวัดและท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะถูกใช้เพื่อการบริโภคร้อยละ 75.8 ชำระหนี้สินร้อยละ 12.8 และเก็บเป็นเงินออมร้อยละ 11.4

ADVERTISMENT

ฉะนั้น จะมีเงินที่ไม่ลงสู่ระบบเศรษฐกิจเพียงร้อยละ 11.4 เท่านั้น ซึ่งก็คือเงินออม เม็ดเงินที่ได้ไปจะถูกใช้หมดภายใน 3 เดือนถึงร้อยละ 81.6 สะท้อนว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 นี้แน่นอน กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยได้ทันที และที่สำคัญผลการสำรวจพบว่าร้อยละ 96.3 จะใช้เงินที่ได้มาในร้านค้าในชุมชน ร้านขายของชำ และร้อยละ 70.9 จะไปใช้กับหาบเร่ แผงลอย และร้านค้าในตลาด ก็แปลว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นมากกว่าจะไปกองอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ในเมือง

ดังนั้น ผมเชื่อว่าแรงหนุน 3 ตัวนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ขยายตัวดีที่สุดในรอบ 2 ปี และยังคงอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปแน่นอน ส่วนปีหน้าจะเป็นอย่างไรครั้งหน้าจะเล่าให้ฟัง

ADVERTISMENT

บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน มิได้ผูกพันเป็นความเห็นขององค์กรที่สังกัด