หุ้นไทยดิ่งเหว หลุด 1,400 จุด นักลงทุนขายลดเสี่ยง-กังวลการเมือง กลุ่ม CP ร่วงยกแผง

ตลาดหุ้น

หุ้นไทยดิ่งเหว หลุด 1,400 จุด ปิดลบ 24.15 จุด บล.กรุงศรี เผยนักลงทุนขายลดความเสี่ยงก่อนประชุมเฟด-กนง.-กังวลประเด็นการเมือง จากกรณี ป.ป.ช. มีมติรับพิจารณา 12 เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อทักษิณ รักษาอาการป่วยชั้น 14 กดดันฟันด์โฟลว์ไหลออก หุ้นกลุ่ม CP ร่วงยกแผง กังวลประเด็น CPAXT เข้าลงทุนใน Happitat Mixed Use กระทบผลกำไรในระยะสั้นจากภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นราว 300 ล้านบาทต่อปี

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานสรุปภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) วันนี้ปิดที่ 1,395.57 จุด ปรับตัวลดลง 24.15 จุด หรือ -1.70% เมื่อเทียบจากดัชนีวันก่อนหน้า โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 55,294.45 ล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับลง 423 บริษัท และหุ้นปรับขึ้น 96 บริษัท) ปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยนักลงทุนขายลดความเสี่ยงก่อนประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED)

ส่วนในประเทศมีประเด็นการเมือง จากกรณี ป.ป.ช. มีมติรับพิจารณา 12 เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อทักษิณ รักษาอาการป่วยชั้น 14 กดดันเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund flow) ไหลออกกดหุ้น Big Cap โดยมีเซ็กเตอร์ที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT), กลุ่มขนส่ง (AOT), สื่อสาร (ADVANC, INTUCH, TRUE) และพลังงาน (PTTEP) ส่วนเซ็กเตอร์ที่ปรับขึ้นคือ อิเล็กทรอนิกส์ (CCET, SVI), และไฟแนนซ์ (SAWAD, MTC, KTC)

โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ CPAXT (-5.31%), CPALL (-4.66%), CPF (-5.08%), TRUE (-3.36%) กลุ่ม CP ปรับลงยกกลุ่ม ปัจจัยลบยังเป็นเรื่องเดิม กังวลประเด็น CPAXT เข้าลงทุนใน Happitat Mixed Use กระทบผลกำไรในระยะสั้นจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นราว 300 ล้านบาทต่อปี (2-3% ของคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567) เนื่องจาก Source of fund ในการเข้าลงทุนเป็นเงินกู้ทั้งหมด ตลาดกังวลการแข่งขันที่รุนแรงในย่านบางนา กดดันให้โครงการดังกล่าวถึงจุดคุ้มทุนช้ากว่าที่กำหนด

ADVANC (-2.45%), INTUCH (-3.50%) มีจิตวิทยาลบกดดันจากประเด็น ป.ป.ช. มีมติรับพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง 12 เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้ารักษาอาการป่วยชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ

GUNKUL (+3.74%) รับข่าว กกพ. ประกาศรายชื่อ 72 เอกชน ได้รับการคัดเลือกจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed – in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 โดยมี GUNKUL เด่นสุดได้รับการคัดเลือกรวม 319 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานลม 284 เมกะวัตต์ และ โซลาร์ 35 เมกะวัตต์ คาดหนุนกำไรและเพิ่มอัพไซด์ต่อประมาณการณ์กำไรสุทธิประมาณ 16% คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 3.85 บาท

ADVERTISMENT

SAWAD (+1.85%), CCET (+10.88%) นักลงทุนเข้าดักซื้อก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50/100 รอบใหม่ โดยฝ่ายกลยุทธ์ บล.กรุงศรี คาด CCET และ SAWAD เป็นตัวเต็งที่จะเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ โดยมีความน่าจะเป็นสูงกว่า 95%

ADVERTISMENT

ด้านนายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลดลงกว่า 24 จุด และหลุด 1,400 จุด มาจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ 1.นักลงทุนรอติดตามผลการประชุมเฟด และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยทำให้นักลงทุนขายลดความเสี่ยง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงทั่วโลก

2.ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้น CPAXT และ CPALL ทำให้ดัชนีหุ้นไทยผันผวน และ 3.ความกังวลเกี่ยวกับการเมืองในประเทศว่าจะมีความร้อนแรงขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากมีความร้อนแรงมากขึ้น อาจทำให้เกิดการชุมนุมทางการเมือง (ม็อบ) และกดดันฟันด์โฟลว์ไหลออก

สำหรับการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) หากประเด็นการเมืองไม่ร้อนแรงมากขึ้น และเฟดมีการลดดอกเบี้ยจะทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้ และจะทำให้ฟันด์โฟลว์มีโอกาสชะลอการไหลออก ขณะเดียวกันกองทุนทั้ง Thai ESG และกองทุนวายุภักษ์มีโอกาสที่นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อ จึงมองแนวต้าน 1,410-1430 จุด แต่หากการเมืองร้อนแรงขึ้นประเมินแนวรับที่ 1,380 จุด สามารถทยอยสะสมได้

สำหรับกลุ่มเด่นแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงสามารถเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่กำลังจะประกาศเข้า SET50 ได้ เช่น CRC, BANPU, COM7 และหุ้นท่องเที่ยวน่าจะสามารถรีบาวน์กลับได้ เช่น MINT, AOT เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า วันนี้นักลงทุน 3 กลุ่ม ขายสุทธิหุ้นไทย ประกอบด้วย 1.นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 3,732.01 ล้านบาท 2.บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิหุ้นไทย 719.26 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 557.88 ล้านบาท ทั้งนี้ นับจากต้นเดือน ธ.ค. จนถึงวันที่ 17 ธ.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้ว 9,092.39 ล้านบาท และหากนับจากต้นปี (YTD) มีการขายสุทธิหุ้นไทยไปจำนวนทั้งสิ้น 146,564 ล้านบาท