
เงินบาทอ่อนค่าระหว่างวัน จับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของไทย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดกนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประวันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 34.01/03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (16/12) ที่ระดับ 34.045/06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
หลังคืนวานนี้ (16/12) เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.6 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 33 เดือนจากระดับ 54.9 ในเดือน พ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวลงสูระดับ 48.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 49.7 ในเดือน พ.ย.
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 38 เดือน จากระดับ 56.1 ในเดือน พ.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงมีการขยายตัว และเฟดนิวยอร์กเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวลงสู่ระดับ +0.2 ในเดือน ธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +6.4 จากระดับ +31.2 ในเดือน พ.ย.
ด้านปัจจัยภายในประเทศ หลังวานนี้ (16/12) แข็งค่าสุดในภูมิภาคเนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกฟื้นตัว โดยตลาดยังจับตาผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำให้ช่วงนี้ค่าเงินบาทยังคงแกว่ง Sideway
โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกโดยในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอยู่ในกรอบระหว่าง 34.03-34.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.27/28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (17/12) ที่ระดับ 1.0525/0528 สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (16/12) ที่ระดับ 1.0501/02 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดย HCOB ได้เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 49.5 ในเดือน ธ.ค. จาก 48.3 ในเดือน พ.ย. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเหลือ 48.2
และ ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นอยู่ที่ 45.2 ในเดือน ธ.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน พ.ย. และต่ำกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยที่ 45.3 โดยอยู่ระดับต่ำกว่า 50 ติดต่อกันมาตั้งแต่กลางปี 2565 เนื่องจากผลผลิตที่ลดลงในเดือน ธ.ค. ในอัตราที่เร็วกว่าช่วงอื่นของปีนี้
ส่วนยอดคำสั่งซื้อใหม่ลดลง และดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเพิ่มขึ้น 51.4 ในเดือน ธ.ค. จาก 49.5 ในเดือน พ.ย. สวนทางกับการคาดการณ์ว่าตัวเลขจะทรงตัว โดยในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0486-10534 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0488/89 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (17/12) ที่ระดับ 154.11/16 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (16/12) ที่ระดับ 153.79/83 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เนื่องจากคณะกรรมกร BOJ ต้องการรอสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับแนวโน้มของค่าจ้าง และการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมทั้งยังจับตานโยบายต่าง ๆ ของสหรัฐ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ 13 รายจากทั้งหมด 24 รายที่ได้รับการสำรวจโดยสำนักข่าว CNBC คาดการณ์ว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.25% และคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ม.ค. ปีหน้า ในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 153.81-154.34 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 153.85/90 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย (18/12), ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน พ.ย. จาก Conference Board (19/12), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ย. (20/12), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือน ธ.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (20/12)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.8/-7.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6/-5.2 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ