ค่าเงินบาทผันผวน จับตาผลการประชุมเฟดคืนนี้

ค่าเงินบาท

ค่าเงินบาทผันผวน จับตาผลการประชุมเฟดคืนนี้

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (18/12) ที่ระดับ 34.16/18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (17/12) ที่ระดับ 34.25/26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

โดยคืนวานนี้ (17/12) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือน ต.ค. ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือน พ.ย.พุ่งขึ้น 3.8% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือน ต.ค.

นักลงทุนจับตาผลการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด และรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 รวมทั้งตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจที่เฟดจะเปิดเผยหลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินรอบวันที่ 17-18 ธ.ค.

อย่างไรก็ดี เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนนี้ รวมทั้งให้น้ำหนัก 79.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือน ม.ค. 2568

ด้านปัจจัยภายในประเทศ นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง.ในวันนี้ (18/12) โดยคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยเศรษฐกิจไทยนั้นเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันจากภายนอกที่รุนแรงขึ้น และความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น โดยเฉพาะแนวนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก แต่ยังสามารถขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวปรับดีขึ้น

ADVERTISMENT

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังฟื้นตัวได้ช้าโดยเฉพาะกลุ่มที่ถูกกดดันจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง คณะกรรมการจึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกับศักยภาพ เงินเฟ้อที่โน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมาย และการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมทั้งรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่ปรับสูงขึ้น

ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 และ 2.9 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 และ 2568 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.4 และ 1.1 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 34.18-34.29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.22/24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ADVERTISMENT

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (18/12) ที่ระดับ 1.0493/94 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (17/12) ที่ระดับ 1.0482/83 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

โดยเย็นวานนี้ (17/12) Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงสูระดับ 84.7 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2563 จากระดับ 85.6 ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 85.5 ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความวิตกที่ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการดำเนินนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

ผลสำรวจ Ifo มาจากการสำรวจบริษัทในภาคการผลิต ก่อสร้าง ค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งภาคบริการ ประมาณ 9,000 แห่งในแต่ละเดือน ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1.0494-1.0512 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0497/99 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน เปิดตลาดเช้าวันนี้ (18/12) ที่ระดับ 153.57/58 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (17/12) ที่ระดับ 153.75/78 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนต่างจับตาการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า BOJ จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพื่อจับตาดูผลกระทบต่อตลาดและเศรษฐกิจสหรัฐ จากการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 153.31-153.77 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 152.36/40 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ของสหรัฐ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย (18/12), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (19/12), ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2567 (19/12), ดัชนีการผลิตเดือน ธ.ค. จากเฟดฟิลาเดลเฟีย (19/12), ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน พ.ย. จาก Conference Board (19/12), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ย. (20/12), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือน ธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (20/12)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -7.0/-6.9 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -4.8/-4.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ