กิตติรัตน์ ย้ำจุดยืน กนง. ควร “ลดดอกเบี้ยเร็วแรง” หนทางป้องความหายนะ

“กิตติรัตน์” ว่าที่ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ย้ำจุดยืน กนง.ควร “ลดดอกเบี้ยเร็วและแรง” หนทางป้องกันหายนะ ชี้ถ้าได้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะทำหน้าที่เชื่อมให้ทั้งฝั่ง “การเงิน-การคลัง” ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่ดีได้

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าที่ประธานกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ “คงดอกเบี้ย” นโยบายรอบล่าสุด (18 ธ.ค.) ที่ระดับ 2.25% ว่า โดยส่วนตัวผมเคารพการตัดสินใจของที่ประชุม กนง.ทั้ง 7 ราย เพราะเป็นคนที่มีเหตุและมีผล แต่อย่างไรก็ตาม “จุดยืน” ของผมยังเหมือนเดิมว่าควร “ลดดอกเบี้ยนโยบาย” ให้เร็วและแรง คือหนทางป้องกันความหายนะ

ซึ่งเคยพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2566 ซึ่งความเชื่อไม่เคยเปลี่ยนแปลงหลังจากได้ถูกเสนอชื่อให้ไปทำหน้าที่คณะกรรมการ ธปท. แต่ทั้งนี้จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เห็นการลดดอกเบี้ยเร็วและก็ยังไม่ได้ลดแรง

“ผมมองว่าการคงดอกเบี้ยรอบล่าสุดของ กนง. คณะกรรมการมองเห็นว่าสถานการณ์โดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ และเครื่องมือที่มีอยู่ต้องเก็บไว้ใช้ในอนาคต ซึ่งสเตตเมนต์ที่ออกมาถูกเขียนด้วยภาษานักเศรษฐศาสตร์ แต่คำอธิบายที่ปรากฎเพียง 1 หน้า ผมมองว่าเป็นเนื้อหาที่สั้นไป

และถ้าเกิดพูดด้วยภาษาชาวบ้าน ‘ขอให้เห็นใจเถอะ’ เราเคยมียาอยู่ 8 เม็ด เพื่อที่จะรักษาปัญหาโรคที่เราเป็นอยู่ และเผอิญเรากินยาไปแล้ว 1 เม็ด ทำให้เหลือยา 7 เม็ด จะรีบกินตอนนี้ก็จะเหลือยา 6 เม็ด ซึ่งทาง กนง. (คณะแพทย์) เขาก็เลือกไม่กินยาโดยเก็บไว้ก่อน แต่ถ้าเห็นใจกินยาไปอีกเม็ด เราก็ยังเหลือยาอีกตั้ง 6 เม็ด ซึ่งเป็นเรื่องที่จริง ๆ ก็ทำได้ ถ้าเกิดเหลือยาอยู่สัก 2 เม็ด และเลือกไม่กิน ผมก็พอจะเข้าใจเยอะกว่านี้ได้” นายกิตติรัตน์กล่าว

ส่วนปี 2568 ถามว่าอยากเห็นทิศทางดอกเบี้ยนโยบายเป็นอย่างไรนั้น ต้องบอกว่าขนาดปี 2567 สิ่งที่อยากเห็นการลดดอกเบี้ยเร็วและแรงก็ยังไร้น้ำยาอยู่เลย

ADVERTISMENT

แต่อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าจะลดลงแต่ละครั้ง 0.25% เป็นส่วนเดียวของกลไกนโยบายการเงิน สิ่งที่สนใจมากกว่านั้นคือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่างหาก โดยสินเชื่อส่วนบุคคลจ่ายดอกเบี้ยอยู่ 30% ต่อปี และ 24% ต่อปี และบัตรเครดิต 16% ต่อปี และเวลาผิดนัดชำระ (คนที่จ่ายไม่ไหว) กลับไปเพิ่มภาระดอกเบี้ย

หรือว่าส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากกับดอกเบี้ยเงินกู้ทำไมถึงสูงมากขนาดนั้น ควรจะแคบลงมาได้หรือไม่ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ธนาคารสามารถมีกำไรได้ดีขึ้นแม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลง หากการทำเช่นนั้นทำให้ความเสี่ยงของหนี้เสียน้อยลง การตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญก็น้อยลง และเคยถูกตั้งสำรองไว้แล้วก็สามารถรับกลับมาเป็นรายได้ เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ควรจะมาพูดคุยกัน

ADVERTISMENT

“สุดท้ายอยากจะบอกว่า มีหลายคนกังวลว่าหากผมได้ถูกมอบให้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ผมจะเข้าไปแทรกแซงหน่วยงานทางด้านนโยบายการเงิน คำถามคือความสามารถในการแทรกแซงของผมมีมากกว่านั้น คือผมแทรกแซงฝั่งนโยบายการคลังก็พอได้ด้วย แต่แทรกแซงด้วยความคิด เพราะทั้งสองส่วนผมไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

การเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ โดยตำแหน่งไม่ใช่ตำแหน่งที่มีอำนาจหน้าที่สั่งการ 3 คณะกรรมการสำคัญ รวมทั้งผู้ว่าการแบงก์ชาติ หรือรองผู้ว่าการแบงก์ชาติ ฉะนั้นการแทรกแซงอะไรคงเป็นการแทรกแซงทางความคิดว่า เรื่องนี้เราควรดูข้อมูลตรงนี้เพิ่มมั้ย เช่นเดียวกันการเป็นผู้ถูกเสนอชื่อ ต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและต้องไม่เป็นกรรมการหรือผู้มีตำแหน่งใดในพรรคการเมือง ดังนั้นคงไม่สามารถไปแทรกแซงฝั่งรัฐบาลได้ มีอย่างเดียวเสนอความคิดเห็นไป ดังนั้นถ้าได้เป็นผมว่าหน้าที่ต้องเป็นคนเชื่อมให้ทั้งสองฝั่งทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่ข้อสรุปที่ดี” นายกิตติรัตน์กล่าว