ดอลลาร์แข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยปีหน้า

US dollar
(file photo) REUTERS/Mohamed Azakir

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังเฟดมีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% และส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยปีหน้า หรืออาจลดแค่ 2 ครั้งเท่านั้น

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ (19/12) ที่ระดับ 34.55/56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (18/12) ที่ระดับ 34.23/24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบเงินสกุลหลักและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.51% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด และเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้

หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน ก.ย. และ 0.25% ในเดือน พ.ย. ซึ่งในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปี 2568 จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือน ก.ย.ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ในปี 2568 และยังส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2570

นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 1.8% สู่ระดับ 1.28 ล้านยูนิตในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.35 ล้านยูนิต จากระดับ 1.31 ล้านยูนิตในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 1.46% ในเดือน พ.ย.

สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ (19/12) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงและปิดตลาดที่ 1,377.53 จุด ลดลง 21.42 จุด (-1.53%) มูลค่าซื้อขายราว 23,030 ล้านบาท ตอบรับมติของเฟดที่ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา กดดันให้เงินทุนต่างชาติไหลออกและส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่ายิ่งขึ้น โดยวันนี้ยังไร้ปัจจัยใหม่ในการหนุนตลาดหุ้นไทย

ADVERTISMENT

นอกจากนั้นนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 ธ.ค.นี้ เพื่อกำหนดเป้าหมายการดำเนินนโยบายการเงิน (กรอบเงินเฟ้อ) ปี 2568 โดยยังคงเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อขยายตัวอยู่ในกรอบ 1-3%

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 34.51-34.68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.51/53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ADVERTISMENT

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/12) ที่ระดับ 1.0374/76 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (18/12) ที่ 1.0493/95 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยมีสาเหตุมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (Eurostat) จะเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายปี และปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือน เม.ย. จากระดับ 1.3% ในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบรายปี

ทั้งนี้ เนื่องจากได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานและราคาในภาคบริการ ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายปี

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งนับว่าอยู่ในเกณฑ์ “อยู่ใกล้ แต่ไม่เกิน 2%” โดยระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0369-1.0422 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0410/12 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้านี้ (19/12) ที่ระดับ 154.79/81 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (18/12) ที่ 153.62/66 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ (19/12) ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด

อย่างไรก็ตาม BOJ มีมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากกรรมการรายหนึ่งของ BOJ เสนอให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า BOJ ยังคงมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินในช่วงต้นปีหน้า และบ่งชี้ว่ากรรมการ BOJ มีท่าทีระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

นอกจากนั้น นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเคลื่อนไหวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเรา เราก็จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในส่วนช่วงเวลาของการปรับขนาดของมาตรการสนับสนุนทางการเงินนั้น จำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 154.47-157.14 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 156.92/93 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (19/12), ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2567 (19/12), ดัชนีการผลิตเดือน ธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย (19/12), ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน พ.ย.จาก Conference Board (19/12), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PEC) เดือน พ.ย. (20/12), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือน ธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (20/12)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -6.9/-6.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -1.5/-0.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ