
‘พิชัย’ ชี้เศรษฐกิจภาคอีสานมีโอกาสรออยู่ มองภาคคมนาคมช่วยหนุนเศรษฐกิจโต เผยรัฐบาลพร้อมลุยพลิกฟื้นประชาชนผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ช่วยแก้หนี้เพิ่มโอกาสเดินหน้าต่อ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ก่อนจะพลิกฟื้นภาคอีสานไปสู่อนาคตที่ดี ประชาชนต้องมีความพร้อมก่อน ในการที่ต้องแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่เยอะให้ลุล่วงก่อนที่จะเดินต่อไป คําตอบคือการที่จะทําให้เศรษฐกิจภาคอีสานเจริญเติบโต ซึ่งหมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น การแก้ปัญหาหนี้จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกทางที่สุด
ขณะที่เศรษฐกิจภาคอีสานเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ทั้งหมด 20 จังหวัด มีเนื้อที่ใหญ่ โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช มีประมาณ 22 ล้านไร่ ใหญ่กว่ากรุงเทพฯ 22 เท่า ที่มีประมาณ 1 ล้านไร่ มีประชากร 2.6 ล้านคน โดยเศรษฐกิจประเทศไทยขณะนี้มีมูลค่า GDP ของประเทศอยู่ที่ 19 ล้านล้านบาท กําลังวิ่งหาจุด 20 ล้านล้านบาท ส่วนโคราชมีอยู่แค่ 1.9% หรือคิดเป็นประมาณ 9% กว่า ซึ่งเศรษฐกิจของภาคไม่ถึง 10% ของเศรษฐกิจประเทศ
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจประเทศไทยก็ไม่ได้เติบโตดีเท่าที่ควรอยู่ที่ 1.9% เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยเติบโตไม่ดีเท่า เลยทําให้ยิ่งมีปัญหาใหญ่ เมื่อดูในเชิงของประชากรภาคอีสานมีประชากร 18 ล้านคน อยู่ในโคราช 2.6 ล้านคน ซึ่งหมายถึงมีประชากร 27% ของทั้งประเทศ เฉพาะโคราชมี 3.8% หรือเกือบถึง 4% แต่พอดูรายได้ต่อหัวพบว่ามีเพียงครึ่งเดียวของรายได้เฉลี่ยประเทศ จากสถิติเมื่อ 2 ปีที่แล้ว รายได้คนไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000 บาทต่อปีต่อคน ซึ่งตอนนี้ขึ้นมานิดหน่อย
นายพิชัยกล่าวว่า หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท ขณะที่ขนาดเศรษฐกิจประเทศไทยมีมูลค่า GDP ของประเทศอยู่ที่ 19 ล้านล้านบาท หากมองภาพรวมตอนนี้ทุกคนมีหนี้รวมกันแล้ว 90% ของขนาดเศรษฐกิจ ซึ่งควรที่จะอยู่ที่ระดับ 70% เท่านั้น
ขณะที่ยังมีปัญหาลูกหนี้บางกลุ่มเมื่อครบกําหนดชําระหนี้แล้วไม่สามารถชําระได้ จึงทำให้มีปัญหากับสถาบันการเงิน โดยยอดที่ติดอยู่และยังไม่สามารถชําระได้มีกว่า 1 ล้านล้านบาท รัฐบาลจึงเห็นวิธีแก้ไขปัญหาว่า คนที่มีโอกาสที่จะฟื้นโดยเฉพาะคนที่เพิ่งไม่สามารถจะชําระได้ไม่เกิน 1 ปี รัฐบาลเห็นแล้วว่าควรทำอย่างไร จึงออกมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งพบว่ามีกว่า 8 แสนบัญชี
“สำหรับมาตรการดังกล่าว รัฐบาลจะพักดอกเบี้ยให้ 3 ปี และคนกลุ่มเหล่านั้นต้องมาลงทะเบียน และให้จ่ายเงินต้นน้อยกว่าปกติ ปีแรก 50% ปีต่อมา 70% และปีสุดท้าย 90% เมื่อครบ 3 ปีแล้ว จะยกดอกเบี้ยที่พักให้ทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลเข้าไปช่วยครึ่งหนึ่ง และสถาบันการเงินช่วยครึ่งหนึ่ง เม็ดเงินการช่วยเหลือรวมกว่า 2.4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนถึง 28 ก.พ. 68″ นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า สำหรับปัญหาภาคอีสานนั้นอยู่ที่ภูมิประเทศ ซึ่งห่างไกลทะเลทางออกที่จะไปเชื่อมต่อโลกแล้วเป็นธรรมชาติ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว โลกเปลี่ยนไปมีเงื่อนไขที่ทําให้มันจะต้องเปลี่ยนไป ปัจจุบันประเทศจีน ต้องการที่จะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก แปลว่าต้องซื้อวัตถุดิบและส่งออก โดยจีนมี 2 เส้นทางที่จะส่งออกต่อตลาดโลกคือ
1.เส้นทางสายไหม ซึ่งมีเส้นหนึ่งที่จีนอยากไปอันดามัน ซึ่งไม่ใช่แค่ทางบกอย่างเดียวจะเป็นทางรถไฟก็ได้ โดยเส้นทางที่เขามองมากที่สุด คือ จากจีน วิ่งเข้าลาว ผ่านเวียงจันทน์ มาหนองคาย วิ่งเลาะมายังอุดรธานี ขอนแก่น และผ่านนครราชสีมา มายังกรุงเทพฯ ต่อไปทางใต้ ทะลุไปมาเลเซีย และสิงคโปร์
“แปลว่าสินค้าตอนนี้ที่ส่งออกจากตลาดจีน สู่ตลาดโลกจะต้องมาผ่านที่โคราช ซึ่งเส้นทางนี้จะหนาแน่นทั้งสินค้าส่งออก และนำเข้าวัตถุดิบ นั่นคือโอกาสที่กำลังมาแล้ว”
2.เส้นที่มาจากฝั่งพม่าที่ติดกับทะเลอันดามัน แปลว่าประเทศไทยโดยเฉพาะภาคอีสานจะได้ประโยชน์ส่วนนี้ คือ วิ่งไปสู่อินเดีย และสหรัฐอเมริกา โดยวิ่งมาจากพม่าเข้าไป โดยผ่านอีสานอีกแล้ว คือ กาฬสินธุ์ และขอนแก่น เป็นต้น ฉะนั้น ทั้งเหนือใต้จากจีน มีความพร้อมแล้ว ซึ่งที่ใดก็ตามมีเส้นทางขนส่งผ่านก็หมายความว่ามีความพร้อมเพื่อให้เกิดความเจริญ
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมแผนให้รถไฟมีเวลาหยุดนานขึ้น และวิ่งได้เร็วขึ้น จะเห็นว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จ จากรถไฟรางคู่ รวมแล้วเกือบ 2,000 กิโลเมตร และมีคลังสินค้าตามระยะทาง จุดแปรพักสินค้า นอกจากนี้ ยังมีอีกเส้นหนึ่ง คือ รถไฟความเร็วสูง
ขณะนี้ดำเนินการได้แล้ว 37% คาดเฟสแรกแล้วเสร็จใน 4 ปีข้างหน้า และเฟส 2 จะต่อไปขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย และเชื่อมลาว ขณะที่ทางด่วนสายพิเศษ อยู่ระหว่างเปิดให้ทดลองใช้อยู่ เชื่อมั่นว่าเมื่อสำเร็จแล้ว หลาย ๆ อย่างจะผ่านมาในอีสานทั้งนั้น เมื่อสิ่งเหล่านี้สำเร็จจะทำให้มีความเชื่อมั่น แค่ประเทศไทยทําตัวให้พร้อมเพื่อจะทําธุรกรรม