
‘จุลพันธ์’ รมช.คลัง เผยแจกเงิน 10,000 บาท ผู้สูงอายุได้รับสิทธิ 3.2 ล้านคน มั่นใจแจกทันก่อนตรุษจีน ด้านแจกเงินไร่ละ 1,000 บาท ดำเนินการแล้ว 4.19 ล้านราย รวมเป็นเงิน 33,917 ล้านบาท เชื่อมาตรการส่งผลดีเศรษฐกิจ หนุนจีดีพีปีหน้าโตกว่า 3%
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ในเฟส 2 สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปนั้น ขณะนี้มีความพร้อมค่อนข้างมาก โดยในสัปดาห์หน้าคลังจะเสนอโครงการสนับสนุนเงิน 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงวัยที่มีอายุเกิน 60 ปี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย
โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบ คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 3.2 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่ากรอบวงเงินที่ตั้งไว้ 4 ล้านคน ใช้เงินงบประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถแจกเงินได้ทันภายในเดือน ม.ค. 68 อย่างแน่นอน ผ่านระบบพร้อมเพย์ของผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด
ด้านความคืบหน้าโครงการแจกเงินเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ของโครงการแจกเงินเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาทนั้น ขณะนี้ดำเนินการครบทุกภาคส่วนแล้ว 4.19 ล้านราย รวมเป็นเงิน 33,917 ล้านบาท โดยยังโอนเงินไม่สำเร็จ 3,199 ราย วงเงินประมาณ 20 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะทยอยโอนเงินอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือน ก.ย. 68
จากมาตรการที่กระทรวงการคลังดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ธ.ค. 67 จนถึง เดือน ม.ค. 68 เราทำ 2 เรื่อง ผ่านทั้งโครงการไร่ละ 1,000 บาท โครงการเติมเงิน 10,000 บาท เฟส 2 จะทำให้มีวงเงินประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อโมเมนตัมของเศรษฐกิจ เพื่อที่จะมีแรงส่งต่อไป
“เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีศักยภาพ และการเติบโตที่เหมาะสมจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนไทยได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเราหวังว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี’68 เติบโตมากกว่า 3%“
ในส่วนการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในช่วงต้นปีหน้า โดยในช่วงหลังปีใหม่จะมีการเร่งเดินหน้าโครงการนี้ ซึ่งขณะนี้มีการถกกันในเรื่องข้อกฎหมายที่จะต้องดำเนินการให้รอบคอบ โดยจะมีการตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อดูข้อกฎหมายโดยเฉพาะ
“เราเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะมีประโยชน์ ดูตัวอย่างสิงคโปร์ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวมา 50% มีรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่ 2 หมื่นบาท ด้านการสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น หรือมีเม็ดเงินลงทุนราว 1 แสนล้านบาท”
ทั้งนี้ ประเมินผลประโยชน์ของโครงการจะแบ่งเป็น 2 เฟสคือ ผลประโยชน์ช่วงก่อสร้างโครงการจะส่งผลต่อจีดีพี 0.2% และช่วงผลต่อการกระตุ้นการท่องเที่ยว และการบริโภค จะมีผลต่อจีดีพีประมาณ 0.7%