กรุงศรี ประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 33.80-34.70 บาท/ดอลลาร์

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 33.80-34.70 บาทต่อดอลลาร์ สภาพคล่องต่ำช่วงคริสต์มาส

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (23-27 ธ.ค.) ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.54 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.02-34.68 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์

ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีหลังธนาคารกลางสหรัฐ  (เฟด) ลดดอกเบี้ย 25bp ตามคาด แต่ส่งสัญญาณว่าถึงจังหวะที่จะลดดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลง

โดย Dot Plot ชุดใหม่บ่งชี้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 50bp ในปี 2568 เทียบกับที่เคยประมาณการเมื่อเดือนกันยายน ว่าอาจลดลดอกเบี้ยลงรวม 100bp ในปีหน้า ส่วนค่าเงินเยนเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรงจากการปรับมุมมองของเฟด ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คงนโยบายและลังเลที่จะกล่าวถึงการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ โดยต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการขึ้นค่าจ้างและผลของนโยบายสหรัฐ

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,232 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 7,626 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ปริมาณธุรกรรมตลาดการเงินโลกซึมลงและนักลงทุนปิดสถานะก่อนเทศกาลคริสต์มาส โดยในภาพใหญ่ผู้ร่วมตลาดจะยังคงตอบรับสัญญาณจากประธานเฟด ที่ว่าวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินกำลังเข้าสู่ “ระยะใหม่” ซึ่งจะดำเนินการ “อย่างระมัดระวัง” ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

ADVERTISMENT

อนึ่ง กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มองว่า แม้ปฏิกิริยาของตลาดต่อท่าทีของเฟดดูมากเกินจริง แต่ยอมรับว่าความแตกต่างของเส้นทางนโยบายการเงินระหว่างเฟดกับธนาคารกลางหลักอื่น ๆ ปรับตัวกว้างขึ้น ควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้าในช่วงเริ่มต้นสมัยที่สองของทรัมป์ ประเมินว่าภาวะดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะหนุนค่าเงินดอลลาร์ช่วงต้นปี 2568

สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยด้วยมติเอกฉันท์ โดยคณะกรรมการระบุว่าเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันภายนอกที่รุนแรงขึ้น และความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า

ADVERTISMENT

ขณะที่ กนง.ต้องการรักษาขีดความสามารถของนโยบายในการรองรับความไม่แน่นอน และจะเฝ้าติดตามนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลักและพัฒนาการด้านสินเชื่อ รวมถึงผลของมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ของภาครัฐที่จะบรรเทาภาระหนี้ให้กับกลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ คาดว่า กนง.อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยสู่ 2.00% ในการประชุมครั้งถัดไปเดือนกุมภาพันธ์ 2568