ส่องหุ้นเด่น รับอานิสงส์ “ทักษิณ” โชว์วิสัยทัศน์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-ฟื้นตลาดทุน

เปิดมุมมอง 3 โบรก ชี้หุ้นเด่นรับอานิสงส์ทักษิณโชว์วิสัยทัศน์ เปิดแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดทุนไทย ในงาน “Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากวานนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยแนวทางกระตุ้นตลาดทุนไทยในงาน “Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” ส่งผลให้นักวิเคราะห์ประเมินถึงหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากงานแถลงดังกล่าว ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ เปิดมุมมองฝ่ายวิจัยมองว่า ประเด็นส่วนใหญ่ที่กล่าวยังคล้ายกับงาน Vision for Thailand 2567 (เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 67) โดยมีประเด็นที่แตกต่างสำคัญคือ ครั้งนี้จะเน้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (SEC SET กระทรวงการคลัง) เร่งสร้าง Trust (ความน่าเชื่อถือ), Confidence (ความเชื่อมั่น) และ Sentiment (ความรู้สึก) ให้กลับคืนมาเพื่อหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ประเด็นด้านการสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจยังคล้ายเดิม คือเน้นเรื่องการเพิ่มกำลังซื้อและลดค่าครองชีพให้ประชาชน ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม และดึงเงินทุนจากต่างชาติมาไทย

กลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้น

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้น มองตลาดหุ้นไทยอาจได้ Sentiment บวกจากประเด็นสำคัญที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น คือ

  • กลุ่มขนส่งจากนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย (BEM BTSBTSGIF)
  • กลุ่มพาณิชย์จากค่าครองชีพที่จะลดลง (CPALL CPAXT CRC)
  • กลุ่มนิคม (AMATA WHA) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC BGRIM) กลุ่มสื่อสาร (INSET ADVANC TRUE) จากเร่งส่งเสริมการลงทุน เช่น Data Center
  • ส่วนนโยบายลดค่าไฟมองเป็นลบเล็กน้อยต่อ PTT แต่ไม่ได้ส่งผลลบมากนักต่อหุ้นโรงไฟฟ้าที่ราคาหุ้นลงมาในช่วงก่อนหน้า (GULF GPSC BGRIM)

มุมมองฝ่ายวิจัย

ประเด็นที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น ได้แก่ 1) ออก Infrastructure Fund เพื่อหนุนนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 2) ส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น Data Center, AI Hub 3) ลดค่าไฟให้ถูกลง ด้วยวิธีการ เช่น บริหารจัดการต้นทุนของ 3 การไฟฟ้า, ส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, โรงไฟฟ้าต้นทุนสูง (ถ่านหิน, ก๊าซ) เอาเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองและหันไปใช้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีต้นทุนต่ำกว่าเป็นหลักแทน, ลดค่าผ่านท่อของ PTT และ 4) ใช้ทรัพย์สินของรัฐเพื่อสร้างธุรกิจและทรัพย์สินใหม่ เช่น ใช้ที่ดิน ร.ฟ.ท.ในโครงการสร้างบ้านเพื่อคนไทย ส่วนประเด็นที่เหลือคาดยังคงต้องใช้เวลาดำเนินการ

ADVERTISMENT

ประเด็นที่เป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น ได้แก่ 1) SEC ต้องตอบสนองให้เร็วเรื่อง Good Governance ของ บจ. 2) SET ต้องตรวจสอบเรื่อง High Frequency Trade (HFT) ไม่ให้เกิดข้อได้เปรียบในการแข่งขัน 3) แนะคลังเพิ่มอำนาจให้ SEC ตรวจสอบ บจ. ไม่ให้ตอบสนองช้าเมื่อมีการกระทำผิดจนทำให้ตลาดขาดความเชื่อถือ 4) แนะ ตลท.หนุนให้ บจ.ที่มี PER, PBV ต่ำดำเนินการซื้อหุ้นคืน

5) คลังอยู่ระหว่างศึกษากองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นไทยคล้ายกับ LTF 6) แนะ กลต.ทำตลาด Carbon Credit Trade 7) ไทยต้องพัฒนาตัวเองให้เป็น Financial Center และ 8) สร้างสมดุลระบบนิเวศระหว่างรถไฟฟ้า (อีวี) จีน กับรถสันดาปญี่ปุ่น

ADVERTISMENT

มาตรการที่คุณทักษิณเสนอมีศักยภาพที่จะผลักดัน GDP ไทยปี 2568 จาก 3% เป็น 4% ในปี 2569 และ 5% ในปี 2570 ผ่าน (1) การสร้างความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นที่จะเพิ่ม GDP 0.2-0.3% (2) การนำเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบที่จะเพิ่ม GDP 2-3% (3) การลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI Hub ที่จะเพิ่มอีก 0.5-1% และ (4) การพัฒนาระบบนิเวศด้าน Digital Asset ที่จะเพิ่มอีก 0.3-0.5% ซึ่งรวมแล้วมีศักยภาพเพิ่มการเติบโตได้ 3.0-4.8% หากดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ รายงานว่า การกล่าวปาฐกถาพิเศษ เนื้อหาครอบคลุมในหลายหัวข้อ ทั้งเรื่องการผลักดันตลาดทุนไทย (Trust, Transparent, Confident, Sentiment), ธุรกิจที่ควรได้รับการส่งเสริม (Data Center, AI, Biotechnology, Entertainment Complex), ค่าครองชีพ (ค่าไฟฟ้า, ค่าโดยสาร) ตลอดจนการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ (Global Minimum Tax, VAT, Negative Income Tax) และอื่น ๆ โดยคาดหวังการเติบโตของ GDP ในปี 2025E ที่ระดับ 3% และปี’69-70 ในระดับ 4-5%

หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปาฐกถาพิเศษของนายทักษิณประเมินมีดังนี้

  • POWER (Overweight) อาจเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลังคุณทักษิณบอกว่าการปรับลดค่าไฟให้กระทบเอกชนน้อย อย่างไรก็ตาม เรายังมีความกังวลในส่วนการปรับลดค่าไฟผ่าน 3 การไฟฟ้าหลักจะกระทบค่าไฟฐานมากน้อยเพียงใด ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียด เป็นประเด็นที่ยังต้องระวัง หุ้นที่อาจเห็นการ Rebound ระยะสั้น GPSC (ซื้อ/เป้า 60.00 บาท), BGRIM (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท), GULF (ถือ/เป้า 60.00 บาท)
  • ADVANC (ซื้อ/เป้า 310.00 บาท), GULF (ถือ/เป้า 60.00 บาท), INTUCH (Consensus 105.75 บาท) สนับสนุน Data Center และ AI
  • MEDEZE (ซื้อ/เป้า 11.50 บาท) สนับสนุนการวิจัยและการใช้ Stem Cell

Ground Transport (Neutral) คุณทักษิณยังเน้นย้ำนโยบายค่าโดยสาร 20 บาท โดยจัดตั้งกองทุน Infrastructure Fund เดือน ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าประเด็นดังกล่าวอาจยังต้องใช้เวลาศึกษา และในช่วง 1-2 ปีแรกของการเริ่มใช้นโยบายค่าโดยสาร 20 บาทจะเป็นการชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารก่อน ซึ่งจะเป็นบวกต่อ BEM, BTS

  • MEGA (Consensus 45.60 บาท) สนับสนุนธุรกิจการผลิตยารักษาโรคในไทยเพื่อลดการนำเข้า
  • PTTEP (ซื้อ/เป้า 160.00 บาท) มีโอกาสได้ประโยชน์จากการลดภาษีปิโตรเลียมที่เป็นไปได้ และความคืบหน้าของการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (OCA)

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ข้อมูลสำคัญจากงาน “Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” นั้น ในส่วนของเรื่องใหม่ ประเด็นที่เราให้น้ำหนักมีโอกาสเกิดขึ้นได้+ทำได้เร็ว คือการลดค่าไฟฟ้าที่การชี้แจงแนวทางดูชัดเจน (ประเมินความเป็นไปได้>50%, คาดเกิดขึ้นภายใน 2 ปี ประเมินบวกหุ้นไฟฟ้า อาทิ GULF GPSC ที่ตลาดกังวลน้อยลง นอกจากนี้ เป็นบวกกลุ่มใช้ไฟสูง สื่อสาร เน้น ADVANC ค้าปลีก เน้น CPALL, CPAXT ส่วนประเด็นอื่น ๆ เราเชื่อว่ายังต้องรอติดตามแนวทางเพิ่มเติมในระยะถัดไป

ในส่วนของเรื่องเดิมส่วนใหญ่เราพบว่าทยอยมีพัฒนาการทางบวกจากการทำงานของรัฐบาลในปัจจุบัน อาทิ การเริ่มกระบวนการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือการริเริ่มโครงการแล้ว ทั้งนี้ เรื่องที่เราให้น้ำหนักมีโอกาสเกิดขึ้น >70% และน่าจะมีความคืบหน้า 1 ปี ได้แก่

  • การดึงพนันออนไลน์เข้าระบบ+แก้ไขปัญหา Call Center บวกต่อกลุ่ม Digital Tech Consult อาทิ BBIK, BE8
  • พัฒนาการภาคท่องเที่ยว ภาคบริการ Entertainment Complex บวกหุ้นในธีม Entertainment Complex อาทิ AOT BTS VGI (เก็งกำไร) CPALL BJC BA MBK
  • โครงการรถไฟฟ้า 20 บาท บวกต่อ BTS
  • การผ่อนคลายให้สิทธิพัฒนาที่ดินรัฐ บวกต่อกลุ่มรับเหมา PYLON, STECON, CK
  • กลุ่มถัดมา เราให้น้ำหนักโอกาสเกิดขึ้น 50% และน่าจะคืบหน้า 2-3 ปี คือ เรื่องศูนย์กลางทางการเงิน, การผลักดัน Digital Assets และการดึง New S Curve