ก.ล.ต. เล็งเปิดข้อมูลจำนำหุ้น-ยกเลิก Uptick Rule ชัดไตรมาส 1/68

ก.ล.ต.

ก.ล.ต. จ่อออกเกณฑ์ เปิดเผยข้อมูล “จำนำหุ้น” หวังช่วยผู้ลงทุนประกอบการตัดสินใจ คาดบทลงโทษมีทั้งปรับและจำคุก พร้อมเล็งทบทวนยกเลิก Uptick Rule รับเป็นส่วนหนึ่งทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดหดหาย คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/68

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า กรณีที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีการนำหุ้นไปจำนำและถูกบังคับขาย (Forced sell) จนมีผลกระทบต่อราคาหุ้น ทำให้ผู้ที่เข้าไปลงทุนเกิดความเสียหาย ก.ล.ต. มองว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยจะกำลังพิจารณาว่าจะมีมาตรการในการเสริมเพิ่มเติมในการเปิดเผยข้อมูลอย่างไร

โดยกำลังศึกษาว่าจะใช้ข้อกฏหมายใดในการกำหนดกฏเกณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงลักษณะธุรกรรมขนาดใดที่เหมาะสม ซึ่งต้องคำนึงถึงกฎหมายอื่น ๆ ประกอบด้วย โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนของแนวทางออกมาได้ภายในช่วงไตรมาส 1/68

เอนก อยู่ยืน
เอนก อยู่ยืน

“ก.ล.ต. อยากออกเต็มที่ แต่หากออกมาแล้วอาจกระทบกับคนส่วนใหญ่เราก็ต้องรอบคอบ และความยากของเรื่องนี้ คือ ดีกรีขนาดไหนถึงควรที่จะต้องรายงาน และความถี่ของการรายงานเป็นอย่างไร เพราะเราจะให้ทุกคนรายงานเลยคงไม่ได้ ความยากของการที่ทำไมถึงกำหนดกฏเกณฑ์ยังไม่ได้ นอกจากเป็นเรื่องข้อกฎหมายแล้วก็มีความเหมาะสม ใครเป็นผู้รายงาน จังหวะไหนที่ต้องรายงานด้วย”

โดยการจำนำหุ้นในปัจจุบันไม่ได้มีใครมีข้อมูลในเรื่องของการทำธุรกรรม จึงมีแนวคิดว่าสิ่งไหนเป็นเรื่องข้อมูลสำคัญก็ต้องเปิดเผยมากขึ้น ข้อมูลในเรื่องของการจำนำหุ้นมีหลากหลาย ทั้งการจำนำที่อยู่ใน บัญชีมาร์จิ้น (มาร์จิ้นโลน) อาจจะมีข้อมูล แต่หากมีการไปจำนำหุ้นที่ไม่ใช่ มาร์จิ้นโลน แต่มีการจดจำนำที่ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD จะมีข้อมูลอีกต่างหาก แต่หากนำข้อมูลมาบวกกันก็จะได้ข้อมูลอีกส่วน แน่นอนว่าจะการนำหุ้นไปเป็นหลักประกันแต่ไม่ได้มีการจดจำนำกับ TSD ตรงนี้เป็นสิ่งหลักที่มีปัญหาและเข้าไปแก้ไข

อย่างไรก็ตามมองว่าเคสการจำนำหุ้นเป็นกรณีที่น่าห่วง เพราะความยากคือจำนำหุ้นไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย โดยกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต.จะเข้าไปตรวจสอบอะไรจำเป็นต้องเป็นกรณีที่สงสัยว่าจะมีการทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เท่านั้นถึงจะดำเนินการได้ ขณะที่บทลงโทษของการไม่รายงานเรื่องการจำนำหุ้น เบื้องต้นตามกฎหมายคาดว่าจะมีทั้งโทษปรับและโทษจำคุก โดยสำนักงาน ก.ล.ต.กำลังศึกษากันอยู่

ADVERTISMENT

ในส่วนมาตรการการยกระดับการกำกับดูแลที่ได้บังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้ที่จะทบทวน และยกเลิกอย่างการใช้เกณฑ์ Uptick Rule สำหรับหุ้นที่ถูก Short Selling โดยยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดหดหายไป ซึ่งต้องมาดูว่ายังเหมาะสมที่จะบังคับใช้มาตรการนี้อยู่หรือไม่ โดยเป็นหนึ่งในมาตรการที่ได้มอบหมายให้ Third Party เข้ามาศึกษาภาพรวมและประเมินผลทุกมาตรการ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในช่วงไตรมาส 1/68 เช่นกัน

นายอเนก กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากจำนำหุ้นเกิน Trigger point ต้องมีการรายงาน มองว่า ความยากคือการกำหนดเกณฑ์อย่างเหมาะสม ขนาดจำนำหุ้นเท่าไรจึงจำเป็นต้องรายงาน ความถี่ในการรายงาน ไม่ให้เป็นภาระจนเกินควร ทำให้ข้อสรุปในการกำหนดเกณฑ์ยังไม่มีความชัดเจนในปัจจุบัน ซึ่งก.ล.ต. จะต้องมีการศึกษาค้นคว้า หลักคิดต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนจะออกเกณฑ์ต่าง ๆ นอกจากนี้ประเด็นการนำหุ้นไปจำนำนอกตลาดซึ่งทำให้ไม่มีข้อมูลในระบบ ยังเป็นปัญหาที่ ก.ล.ต. ต้องเข้าเร่งแก้ไข

ADVERTISMENT

ส่วนที่อดีตนายกทักษิณฯ กล่าวว่า การขับเคลื่อนในการจัดการปัญหายังช้าอยู่ มองว่า ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าบางอย่างเป็นการขับเคลื่อนที่อาจไม่ทันใจมากนัก สิ่งที่ ก.ล.ต. ดูว่าที่ขับเคลื่อนไม่ทันใจ เกิดจากเหตุใด ถ้าเป็นเรื่องของสำนักงานเอง ก็มีหน้าที่ต้องปรับปรุงขบวนการ เช่น การบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากเคสแต่ละเคสมีความซับซ้อน มีการใช้ข้อมูลจากต่างประเทศ จึงต้องใช้เวลา