ดอลลาร์ย่อตัวลง ตลาดคลายความกังวลนโยบายกีดกันการค้าของ Trump

ธนบัตร U.S.dollar banknotes
REUTERS/Dado Ruvic/Illustration/File Photo

ดอลลาร์สหรัฐย่อตัวลง หลังตลาดคลายความกังวลจากนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 21 มกราคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ (21/01) ที่ระดับ 34.15/16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (20/01) ที่ระดับ 34.29/30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ช่วงคืนที่ผ่านมาตลาดเงินนิวยอร์ก และตลาดทองคำนิวยอร์ก ปิดทำการวันจันทร์ที่ (20/01) เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ แต่อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับการปรับตัวลดลงของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีสหรัฐ หลังตลาดคลายความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 ลง

เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐอาจยังไม่รีบเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ทันที แต่จะเริ่มประเมินความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ก่อน โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ เสร็จสิ้นการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47 ที่อาคารรัฐสภาแล้ว ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติ เพื่อลดราคาพลังงานในสหรัฐด้วยการเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน วางท่อน้ำมัน และตั้งโรงกลั่นน้ำมัน

การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าวสอดคล้องกับการกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งทรัมป์กล่าวว่า เขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติในวันแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อลดราคาน้ำมันเบนซินและค่าไฟของชาวอเมริกันลงครึ่งหนึ่งภายในช่วงปีแรกที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทั้งนี้ ตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 อย่างใกล้ชิด

โดยนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางมาเลเซียจะประชุมในวันพรุ่งนี้ (22/01) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางมาเลเซียจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3% ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมในวันที่ 23-24 ม.ค. โดยผู้ว่าการ BOJ ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ADVERTISMENT

ด้านปัจจัยภายในประเทศนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ล่าสุดมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ (1-19/01) ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 107,376 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ จีน 354,091 คน มาเลเซีย 216,860 คน รัสเซีย 165,501 คน เกาหลีใต้ 124,823 คน และอินเดีย 117,896 คน

สำหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (13-19/01) นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short Haul) ที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 2.27% ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดหลัก โดยเฉพาะตลาดจีนที่เพิ่มขึ้น 9.26% จากการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของรัฐบาล และการกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยมาตรการวีซ่าฟรีไทย-จีน เป็นต้น

ADVERTISMENT

ในขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long Haul) ชะลอตัวด้านการเดินทาง ส่งผลให้ภาพรวมมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 820,896 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 7,302 คน หรือ 0.90% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 117,271 คน

ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ (20-26/01) คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่ตลาดนักท่อเที่ยวชาวจีน การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ที่ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น โดยในวันนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอยู่ในกรอบระหว่าง 33.97-34.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.05/06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (21/01) ที่ระดับ 1.0371/72 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (20/01) ที่ระดับ 1.0305/06 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยการซื้อขายสกุลเงินยูโร เป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากเมื่อวาน (20/01) สหรัฐปิดทำการในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ โดยค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0352-1.0375 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0364/65 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (21/01) ที่ระดับ 156.04/05 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (20/01) ที่ระดับ 156.29/30 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ มีแรงซื้อเข้ามาจากการรับข่าวที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ประกาศขึ้นภาษีในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยตลาดรอติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมในวันที่ 23-24 ม.ค. ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 155.13-156.05 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 155.71/72 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. จาก Conference Board (22/01) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (23/01) ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน ม.ค. จาก S&P Global (24/01) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือน ม.ค. จาก S&P Global (24/01) ยอดขายบ้านมือสองเดือน ธ.ค. (24/01) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือน ม.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (24/01)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -6.90/-6.60 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -1.70/+0.45 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -6.60/-6.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -5.65/-4.35 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ