
ศาลล้มละลายกลางตีตกคำร้องแก้แผนฟื้นฟูกิจการ “การบินไทย” ทั้ง 3 ฉบับ ชี้ประเด็นขอเพิ่มผู้บริหารแผน 2 ท่าน ทำให้ขั้นตอนยุ่งยาก-เพิ่มรายจ่าย ชี้ผู้บริหารแผนเดิม 3 ท่านมีอำนาจ ‘ลดทุนจดทะเบียน-พิจารณาจ่ายปันผล’ ได้อยู่แล้ว และรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นไปตามสาระสำคัญของแผน ไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางได้นัดฟังค่ำสั่งเกี่ยวกับข้อเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 3 ฉบับ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบด้วย (1) คำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อกำหนดให้ผู้บริหารแผนมีอำนาจลดทุนด้วยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) เพื่อล้างผลขาดทุนสะสม (คำร้องขอแก้ไขแผน ฉบับที่ 1)
(2) คำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อเพิ่มข้อกำหนดที่ชัดเจนว่า หากในอนาคตบริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น บริษัทสามารถนำกระแสเงินสดส่วนเกินมาจ่ายเงินปันผลได้
โดยเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับชำระหนี้ก่อนกำหนดตามข้อ 5.4 (ข) ของแผนฟื้นฟูกิจการ เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าจำนวนเงินปันผลที่จะมีการเสนอจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น ๆ (คำร้องขอแก้ไขแผน ฉบับที่ 2)
และ (3) คำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อเพิ่มผู้บริหารแผนจำนวน 2 ท่าน (คำร้องขอแก้ไขแผนฉบับที่ 3) ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้มีมติยอมรับข้อเสนอแก้ไขแผนพื้นฟูกิจกการทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวนั้น
บริษัทขอแจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่ง “ไม่เห็นชอบ” ด้วยกับข้อเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 3 ฉบับ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขแผนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 (และที่มีแก้ไขเพิ่มเติม) (พ.ร.บ.ล้มละลายฯ) มาตรา 90/63
โดยศาลล้มละลายกลางเห็นว่า การแก้ไขแผนตามคำร้องขอแก้ไขแผน ฉบับที่ 1 เรื่องอำนาจของผู้บริหารแผนในการลดทุนด้วยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) เพื่อล้างผลขาดทุนสะสมนั้น การลดทุนเป็นวิธีการบริหารเงินทุนของบริษัทให้เกิดความเหมาะสม เพื่อให้มีโครงสร้างทุนที่แข็งแรงขึ้น โดยในแผนฟื้นฟูกิจการ ข้อ 5.6.3 และข้อ 5.6.4 ได้กำหนดรายละเอียดในการเพิ่มทุนจดทะเบียนไว้ และข้อ 5.6.7 ระบุว่าผู้บริหารแผนมีอำนาจดำเนินการลดทุนจดทะเบียนเพื่อตัดหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนที่ไม่มีการเสนอขายตามที่ผู้บริหารแผนเห็นสมควรเพื่อประโยชน์ของบริษัท
ซึ่งการลดทุนจดทะเบียนด้วยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) เพื่อล้างขาดทุนสะสม เพื่อการปรับตัวเลขทางบัญชีของบริษัทก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการลดทุนที่จะส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผลเร็วขึ้น และเป็นอำนาจของผู้บริหารแผนที่จะดำเนินการได้ เพื่อให้การฟื้นฟูกิจการของบริษัทเป็นผลสำเร็จตามแผนข้อ 10.10
ประกอบกับมีบทบัญญัติมาตรา 90/42 วรรคท้ายบัญญัติยกเว้นหลักเกณฑ์ทั่วไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (และที่มีแก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 139 ไว้ในเรื่องลดทุนจดทะเบียน
ดังนั้น การที่ผู้บริหารแผนจะลดทุนจากจำนวนที่จดทะเบียนไว้ด้วยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวนตามที่ผู้บริหารแผนเห็นสมควรและเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญ จึงเป็นวิธีการที่ผู้บริหารแผนมีอำนาจกระทำได้ภายในขอบอำนาจโดยชอบตามแผนฟื้นฟูกิจการอยู่แล้ว และดำเนินการดังกล่าวมิได้กระทบสิทธิต่อการได้รับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใด
ในส่วนของคำร้องขอแก้ไขแผนฉบับที่ 2 เรื่องการนำกระแสเงินสดส่วนเกินมาจ่ายเงินปันผลและการชำระหนี้ก่อนกำหนดกรณีจ่ายเงินปันผลนั้น
ศาลล้มละลายกลางเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการเพิ่มรายละเอียดให้ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการจ่ายเงินปันผลที่ผู้บริหารแผนมีอำนาจกระทำได้ภายในขอบอำนาจโดยชอบตามแผนฟื้นฟูกิจการอยู่แล้วเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขแผนพื้นฟูกิจการตามคำร้องขอแก้แผน ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2
ในส่วนคำร้องขอแก้ไขแผน ฉบับที่ 3 เรื่องเพิ่มผู้บริหารแผนจำนวน 2 ท่านนั้น ศาลล้มละลายกลางเห็นว่า ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2565 ที่ผู้บริหารแผน 2 คน ได้ลาออกจากการเป็นผู้บริหารแผน ผู้บริหารแผนอีก 3 คน ที่เหลืออยู่มีอำนาจดำเนินการตามแผนฟื้นฟื้นฟูกิจการได้มาถึงปัจจุบัน โดยเมื่อพิจารณารายงานผลการปฏิบัติงานเป็นไปตามสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 4 ปีที่ 3
ปรากฏว่าผู้บริหารแผนดำเนินการเป็นไปตามสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการ ไม่ปรากฏว่าการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการจะมีปัญหาขัดข้องหรือติดขัดจากการที่มีผู้บริหารแผนจำนวน 3 คนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ หากมีการเพิ่มผู้บริหารแผนอีก 2 คน ตามคำร้องขอแก้ไขแผนฉบับที่ 3 จะต้องมีการจัดประชุมคณะผู้บริหารแผนเพื่อตั้งประธานคณะผู้บริหารแผนกำหนดอำนาจหน้าที่ของประธานคณะผู้บริหารแผนและผู้บริหารแผนแต่ละคน
และกำหนดกรอบวิธีการดำเนินการของผู้บริหารแผน ตามที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ข้อ 10.3 อันจะเป็นการเพิ่มกระบวนการและขั้นตอนในการบริหารงานของผู้บริหารแผนชุดเดิมให้มีความยุ่งยากมากขึ้น และย่อมทำให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาตัดสินใจในการบริหารงานต่าง ๆ เนื่องจากผู้บริหารแผนทั้ง 2 คน ที่ถูกเสนอเพิ่มเติมเข้ามา ปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ในส่วนภาครัฐ ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารของบริษัทมาก่อน อันจะทำให้การบริหารจัดการภายในไม่คล่องตัวเท่าเดิม
ทั้งการเพิ่มผู้บริหารแผนยังเป็นการเพิ่มรายจ่าย เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้บริหารแผน เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นไปตามสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการตั้งแต่ไตรมาสที่มีผู้บริหารแผน 3 คน ได้ปรากฏว่ามีค่าใช้จ่ายจากการชำระเงินค่าตอบแทนผู้บริหารแผนลดลงจากที่เคยชำระให้ผู้บริหารแผนเดิมเกือบครึ่งหนึ่ง การปรับลดค่าใช้จ่ายนับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนผลสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการของบริษัท
ประกอบกับการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ปัจจุบันดำเนินมาถึงปีที่ 4 ปรากฏว่าเป็นไปตามสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการมาโดยตลอด ไม่เกิดเหตุผิดนัดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ดังนั้น การแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการโดยการเพิ่มผู้บริหารแผนในครั้งนี้ จึงยังไม่มีความจำเป็นเพื่อให้การฟื้นฟูกิจการของบริษัทสำเร็จลุลล่วงไปได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 90/63
ดังนั้น ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยกับข้อเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว ทั้งนี้ คำสั่งศาลล้มละลายกลางดังกล่าวไม่มีผลต่อการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทแต่อย่างใด