‘จุลพันธ์’ ย้ำผู้สูงอายุเช็กสิทธิเงิน 10,000 เฟส 2 ลุยต่อเฟส 3 ภายในไตรมาส 2 นี้

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

จุลพันธ์ รมว.คลัง ย้ำผู้สูงอายุเช็กสิทธิเงิน 10,000 เฟส 2 วันแรก ยันรับเงินภายใน 27 ก.พ.นี้ แย้มเฟส 3 คาดได้เงินไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ โดยจะทดสอบระบบดิจิทัลวอลเลตช่วงปลาย ก.พ.นี้ แนะจับตา TRADE WAR นโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ ชี้ประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (22 ม.ค.) เป็นวันแรกที่เปิดให้ผู้ที่ได้รับสิทธิตรวจสอบคุณสมบัติรับเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่ามีผู้ได้รับสิทธิ 3,020,000 คน วงเงินราว 30,000 ล้านบาท และยืนยันว่าจะได้รับเงินภายในเช้าของวันที่ 27 มกราคมนี้

ส่วนผู้ผ่านคุณสมบัติแต่ยังไม่ได้รับเงิน จะต้องเข้าไปตรวจสอบการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน รัฐบาลจะโอนเงินซ้ำอีก 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 จะโอนภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ครั้งที่ 2 วันที่ 25 มีนาคม และครั้งที่ 3 วันที่ 23 เมษายน

ขณะที่ผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติคงต้องยอมรับว่าไม่สามารถจะแก้ไขคุณสมบัติในเรื่องของรายได้และเงินฝากได้ แต่สามารถอุทธรณ์เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติให้ชัดเจนได้ผ่านสายด่วน 1111 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่อง

“สำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนก็จะมีกระบวนการเปิดลงทะเบียน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากนี้ไม่เกิน 1 เดือน โดยต้องผ่านมติของที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน“

ทั้งนี้ เชื่อว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมา ทั้งการจ่ายเงิน 10,000 เฟส 2/มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ที่เปิดให้ซื้อสินค้าแล้วนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงตรุษจีนให้คึกคัก

ADVERTISMENT

คาดว่ามาตรการ Easy E-Receipt 2.0 จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านบาท และจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก หลังจากเริ่มโครงการเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 15-20% ประมาณ 12,000 ร้านค้าเข้าร่วม ซึ่งมากกว่าการจัดโครงการในปีที่ผ่านมา

รวมถึงการโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกินคนละ 10,000 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินหมดแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็จะมีผลมากระตุ้นการบริโภคในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ด้วย ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 1 ของปี 2568 จะเติบโตได้ดีมาก และเป็นแรงส่งต่อเศรษฐกิจทั้งปีให้เติบโตได้มากกว่า 3% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้

ADVERTISMENT

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า สำหรับเฟส 3 กลุ่มที่ลงทะเบียนแล้ว คาดว่าจะได้รับเงินภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งจะเป็นการโอนเงินรูปแบบดิจิทัล โดยจะมีการทดสอบระบบดิจิทัลวอลเลตช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้

นอกจากนี้ นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า แม้ว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะโต 3% แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเฉพาะเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้า เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่ทำให้นโยบายที่ออกมาจะกระทบกับทุกประเทศ โดยในส่วนของกระทรวงการคลัง ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้มีการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว แต่อยู่ระหว่างรอหารือระดับรัฐมนตรี รวมถึงหารือร่วมกับกระทรวงต่าง ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม มองว่าแม้จะมีในเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าและสงครามการค้าเกิดขึ้น แต่ก็อาจจะเป็นโอกาสของประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน ที่จะมีการส่งออกสินค้าได้เพิ่มขึ้น ทดแทนประเทศที่ถูกขึ้นภาษี เช่น จีน หรือเม็กซิโก

ซึ่งในส่วนของรัฐบาลไทยเองก็จะมีการตั้งทีมเพื่อหารือกับสหรัฐ เพื่อเจรจาทางการค้าให้ไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ดังนั้น ขณะนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องออกมาตรการพิเศษ แต่ยืนยันว่าจะจับตากับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ไทยยังต้องระวังในเรื่องของปัญหาสินค้าจากจีนที่ไม่สามารถส่งออกไปสหรัฐจะทะลักเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการไทยได้ โดยไทยจะต้องใช้มาตรการในเรื่องของมาตรฐานการตรวจสอบสินค้านำเข้าให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ประกอบการ SMEs ไทย เป็นการใช้กลไกที่มีอยู่ตามกฎหมาย และไม่ได้ผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ