
ตามแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เริ่มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบเลข 3 หลัก (N3) มาตั้งแต่งวดวันที่ 16 ตุลาคม 2567 โดยทำเป็นแซนด์บอกซ์ (Sandbox) เริ่มจากขายในวงจำกัดผ่านจุดจำหน่าย “โครงการสลาก 80 บาท” ไม่ได้จำหน่ายแบบเป็นการทั่วไป ถึงปัจจุบันจำหน่ายไปแล้วทั้งหมด 7 งวด ซึ่งที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า ยอดขายไม่ปัง จนอาจจะมีการทบทวนเรื่องนี้
“พันโทหนุน ศันสนาคม” ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า จริง ๆ แล้ววัตถุประสงค์หลักของสลาก N3 ไม่ใช่จะแข่งกับหวยใต้ดิน แต่ทำเพื่อปิดช่องว่างสลาก L6 ในเรื่องของการขายเกินราคา แต่การแก้ปัญหาหวยใต้ดิน คือผลพลอยได้
“N3 ไม่ใช่คู่แข่งหวยใต้ดิน เพราะคู่ชกน้ำหนักต่างกัน อัตราการจ่ายเงิน ก็ไม่เหมือนกัน ข้อนี้ชัดเจน ซึ่งเปรียบเทียบไม่ได้ แต่เราพูดเสมอว่า N3 มีจุดแข็ง ซื้อเลข 3 หลัก มีโอกาสถูกรางวัล 4 ประเภท สามตรง สามสลับหลัก สองตรง และรางวัลพิเศษ คือจุดแข็งของสำนักงานสลากฯ”
จำหน่าย N3 ผ่านตัวแทน “เดินขาย”
“พันโทหนุน” กล่าวว่า จากการที่จำหน่ายสลาก N3 มา 7 งวด ผ่าน Sandbox เพื่อที่จะดูว่าระบบมีความเสถียรหรือไม่ ทั้งการซื้อและการจ่ายรางวัล ซึ่งตอนนี้ระบบเสถียรแล้ว ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงให้ปรับแผนการจำหน่ายสลาก N3 ด้วยวิธีการจำหน่ายผ่านระบบตัวแทนให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม จากที่จะเริ่มจำหน่ายในช่วงเดือนเมษายน 2568 โดยให้คงแนวทางการทดสอบการจำหน่ายในระบบ Sandbox ระยะที่ 2 ผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นครั้งแรก ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มีนาคม 2568
“N3 จะเริ่มจำหน่ายผ่านตัวแทน ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดยผ่านตัวแทนจำหน่าย 2 กลุ่ม คือ 1.ตัวแทนโครงการสลาก 80 ที่มีจำนวน 819 ราย และ 2.ตัวแทนผู้พิการที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสลาก L6 ดิจิทัล อีกจำนวน 986 ราย รวมจำนวน 1,805 รายทั่วประเทศ”
ทั้งนี้ การจำหน่ายสลาก N3 ผ่านตัวแทนที่เป็นผู้พิการจะเป็นลักษณะ “เดินจำหน่าย” ซึ่งตัวแทนจำหน่ายจะมีบัตรประจำตัวเพื่อแสดงตน และสวมชุดยูนิฟอร์มที่สำนักงานสลากฯกำหนด แต่ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์สำหรับการจำหน่าย
เพราะจะมี “คิวอาร์โค้ด” ที่ผู้ซื้อสามารถสแกน เพื่อทำรายการตรวจสอบข้อมูลตัวแทนนั้น ๆ เพื่อเป็นการป้องกันการถูกหลอกลวง จากนั้นจึงทำรายการซื้อสลากได้ ทั้งสลาก L6 และสลาก N3 ได้ โดยชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังเช่นเดียวกัน
หนุนตัวแทนมีรายได้เพิ่ม 1.5 หมื่น
“พันโทหนุน” กล่าวว่า สลาก N3 จะกำหนดกรอบการจำหน่ายไว้ที่ประมาณ 5 ล้านรายการต่องวด โดยตัวแทนจำหน่ายจะได้ส่วนแบ่งในอัตรา 10% ของราคาสลาก N3 ต่อรายการ กล่าวคือสลาก N3 ราคา 20 บาท ก็จะได้ 2 บาท เมื่อรวมกับสลาก L6 ที่ได้รับไปจำหน่ายเดือนละ 10 เล่ม จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับตัวแทนประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ในกรณีที่สามารถจำหน่ายได้ครบ
ส่วนการจำหน่ายที่จุดจำหน่ายสลาก 80 จะเหมือนเดิม คือ ต้องซื้อที่จุดจำหน่าย ทำรายการผ่านอุปกรณ์ และชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”
“คณะกรรมการได้ให้ความสําคัญในเรื่องการเป็นตัวแทนรายย่อย เขาจะได้ไปเดินขาย แล้วก็มีรายได้พอเลี้ยงชีพใน 1 เดือน เพราะฉะนั้นจากที่มีสลาก L6 แบบดิจิทัล ก็จะมีสลาก N3 เพิ่มเข้ามาให้ เพื่อให้มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งข้อดี คือไม่ต้องลงทุน ต่างจากสลาก L6 แบบใบและดิจิทัล ที่จะต้องเอาเงินมาจ่ายให้สำนักงานสลากฯก่อน ถึงจะได้สินค้าไปจําหน่าย
แต่ N3 ไม่ต้องเอาเงินมาจ่ายก่อน ขายได้เท่าไหร่ ก็ได้เท่านั้น สมมุติหากขายได้ 1,600 รายการ หนึ่งรายการเท่ากับได้ 2 บาท คูณ 2 เข้าไป ก็เป็นรายได้ เพราะฉะนั้น ไม่มีการลงทุน ยิ่งขยันขาย ยิ่งได้ ตอบโจทย์เรื่องของอาชีพ”
เล็งขยายตัวแทนจำหน่าย N3
ทั้งนี้ สำนักงานสลากฯจะนำผลที่ได้จากการจำหน่ายสลาก N3 ในระบบแซนด์บอกซ์ระยะที่ 2 ไปประกอบการพิจารณาในการรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสลาก N3 ในระยะต่อไป โดยกลุ่มเป้าหมายตัวแทนที่จะเปิดรับสมัครในระยะต่อไป คือ ตัวแทนจำหน่าย L6 แบบดิจิทัล ซึ่งมีอยู่ 49,888 ราย เนื่องจากมีความคุ้นเคยในการจำหน่ายสลากผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” คาดว่าจะเริ่มขายจริงได้ในเดือนมิถุนายน 2568
หลังจากนั้น จะเปิดให้ผู้จำหน่ายสลาก L6 แบบใบ เข้ามาสมัคร แต่จะต้องยอมแลกกับโควตาสลากใบที่มีอยู่มารับสิทธิขายสลาก L6 แบบดิจิทัล จึงจะได้รับสิทธิ N3 ด้วย ซึ่งจะทำให้สลากใบลดลง ถัดจากนั้น จะประเมินสภาพตลาด หากมีความต้องการ ก็จะเปิดรับสมัครให้ประชาชน ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง เป็นตัวแทนจำหน่ายสลาก N3 ต่อไป
เพิ่มสลาก L6 ดิจิทัลอีก 1 ล้านใบ
นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯเตรียมเพิ่มจำนวนสลาก L6 แบบดิจิทัล อีกเป็น 1 ล้านใบ เป็นงวดละ 27 ล้านใบ จากงวดละ 26 ล้านใบ ซึ่งจะเริ่มงวด 1 กุมภาพันธ์ 2568 หลังขายหมดในสองงวดล่าสุด ส่วนสลากใบ ยังคงเดิม แต่ภายในปีนี้มีแผนจะให้ผู้มีโควตาสลากแบบใบมาขายสลากดิจิทัลได้ ซึ่งทำให้จำนวนสลากใบลดลงเหลือไม่ถึงงวดละ 80 ล้านใบ โดยจากการประเมินยืนยันว่าการขายสลาก N3 ช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้แย่งตลาดสลาก L6 แบบใบ เพราะยอดขายปรับขึ้นลงสอดคล้องกัน
“ไม่แน่ต่อไปนี้อาจจะไม่มีสลากแบบใบเลย เป็นสลาก L6 แบบดิจิทัลอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้สลากเกินราคาไม่มีอีกแล้ว แต่ยืนยันว่าสลากแบบใบยังไม่ได้เลิก เพราะว่าพฤติกรรมของผู้ขายที่เป็นแบบใบก็ยังมีอยู่และมีผู้ซื้อ จะไม่กําหนดว่าจะต้องลดใบในปีนี้หรือปีหน้า ต้องให้พฤติกรรมหรือกลไกการตลาดเป็นตัวกําหนด”
“เอ็นฯคอมเพล็กซ์” ไม่เอฟเฟ็กต์
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายเดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งรวมถึงกาสิโนถูกกฎหมายด้วยนั้น “ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ” กล่าวว่า เชื่อว่าไม่กระทบต่อยอดขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะคนซื้อเป็นคนละกลุ่มกัน